"ทรัมป์" ทวงเงินจีน จ่ายค่าเสียหายชาวโลก 310 ล้านล้านบาท ลั่นเป็นต้นตอโควิดระบาด

Home » "ทรัมป์" ทวงเงินจีน จ่ายค่าเสียหายชาวโลก 310 ล้านล้านบาท ลั่นเป็นต้นตอโควิดระบาด
"ทรัมป์" ทวงเงินจีน จ่ายค่าเสียหายชาวโลก 310 ล้านล้านบาท ลั่นเป็นต้นตอโควิดระบาด

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุในตอนหนึ่งของคำกล่าวสุนทรพจน์ต่อประชุมพรรครีพับลิกันแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนาเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัฐบาลจีน จ่ายเงินค่าชดเชย 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 310 ล้านล้านบาท แก่ทางการสหรัฐฯ รวมถึงนานาชาติที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไปทั่วโลก

อดีตผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เพราะความไม่โปร่งใสของจีนจนปล่อยปละละเลยให้มีการะบาดออกมานอกประเทศ จนได้รับผลกระทบไปทั่วโลก โดยอดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังคงเชื่อในข้อมูลต้นกำเนิดเชื้อไวรัสที่หลุดจากแล็บวิจัยในอู่ฮั่น นอกจากนี้ ทรัมป์ยังแนะนำว่าประเทศใดก็ตามที่เป็นหนี้จีนควรยกเลิกหนี้ เพื่อสำหรับการทดแทนการจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย ขณะเดียวกันศุลกากรสหรัฐฯ ควรขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีน

ช่วงต้นเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา ทรัมป์อ้างว่าเขามีหลักฐานที่แสดงว่าโควิด-19 มีต้นกำเนิดมาจากห้องทดลองในอู่ฮั่น ตรงข้ามกับ สำนักงานผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติออกแถลงการณ์ว่าชุมชนข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่เห็นด้วยกับ “ฉันทามติทางวิทยาศาสตร์ในวงกว้าง” ว่า โคโรนาไวรัสไม่ได้ถูกมนุษย์สร้างขึ้นหรือดัดแปลงพันธุกรรม

ทว่าอย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้มีคำสั่งทบทวนรายงานด้านข่าวกรอง เกี่ยวกับการสืบสวนต้นกำเนิดของไวรัส โดยไบเดนขีดเส้นให้หน่วยงานด้านความมั่นคง สรุปการทบทวนรายงานต้นกำเนิดดังกล่าวของไวรัสภายใน 90 วัน

ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังโจมตี ดร.แอนโทนี เฟาซี ที่ปรึกษาการควบคุมโควิดต่อทั้งรัฐบาลทรัมป์และไบเดน โดยอดีตผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า หมอเฟาซีไม่ใช่แพทย์ที่ดี เขามักเก่งแต่การออกรายการโปรโมทตัวเองตามรายการทีวี พร้อมทั้งระบุว่า หมอเฟาชี ผิดในหลาย ๆ เรื่อง รวมถึงการตั้งข้อสงสัยกับทฤษฎีที่ว่าเชื้อโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องแล็บอู่ฮั่น

“ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาและโลกจะต้องเรียกร้องค่าชดเชยและความรับผิดชอบจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน เราทุกคนควรประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่าจีนต้องจ่าย พวกเขาต้องจ่าย”

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านั้นเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ ได้สั่งระงับการใช้งานบัญชีของโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งบนแพล็ตฟอร์มของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ต่อเนื่องอีก 2 ปี หลังเฟซบุ๊กเริ่มใช้มาตรการแบนดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ทรัมป์ใช้แพล็ตฟอร์มดังกล่าวยุยงปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนก่อจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อ 6 มกราคมที่ผ่านมา

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ