ทนายเกิดผล ซัดทนายธรรมราช ไม่สำนึก-ไม่มีวุฒิภาวะ หลังนำปมสุขภาพมาแซะป่วยโรคไต ก่อนร้องสภาทนายความให้สอบมรรยาท

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 ก.ย. 65 ที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือแพรรี่ เดินทางมาพร้อมทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง เพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เพื่อให้สอบมารยาททนายธรรมราช

ทนายเกิดผล เปิดเผยว่า วันนี้มาสภาทนายความ เพื่อยื่นหนังสือต่อนายกสภาทนายความ ให้ตรวจสอบมรรยาทของทนายธรรมราช ที่ใช้ข้อความไม่เหมาะสม ในการบูลลี่แพรรี่ก็ดี เรื่องสุขภาพตนด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งที่ตนไม่มีข้อพิพาทกับทนายธรรมราชโดยตรง แต่เป็นการถกเถียงในข้อกฎหมาย ความเห็นทางกฎหมายควรจะคุยกันด้วยข้อกฎหมาย ถ้าเขาไม่เห็นด้วย หรือคิดว่าตนพูดข้อกฎหมายที่ผิดพลาด ก็ควรเอาหลักฐาน เอาข้อพิพาทมาแสดงต่อกัน แต่เขาไม่ทำแบบนั้น กลับไปนำปมด้อยเรื่องสุขภาพของตน เพื่อมาเหน็บแนม ประชดประชัน เพื่อให้รู้สึกแย่ ส่วนตัวไม่คิดอะไรมาก เขาควรจะรู้สึกผิด แต่เขากลับนำตนไปด่าในไลฟ์สดว่าคนว่าเขา เขาถึงต้องมาว่าตนด้วย

ทนายเกิดผล เปิดเผยว่า มองว่าอีกฝ่ายแยกแยะไม่ออก ไม่มีวุฒิภาวะ คำพูดเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ในฐานะทนายความ ตนจึงนำเรื่องนี้มาร้องเรียน ลักษณะแบบนี้เหมาะสมกับอาชีพทนายความหรือไม่ เป็นการผดุงเกีรยติทนายความ จึงอยากให้พิจารณา โดยต้นเรื่องมาจากที่ตนโพสต์การตีความข้อกฎหมายมาตรา 44 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ แล้วอีกฝ่ายเอาข้อความไปแคป แล้วโพสต์ต่อว่า ตีความแบบนี้เอง โรคไตเสื่อมถึงได้ถามหา แล้วเขาก็จะแนะนำสมุนไพรองค์รวม นี้คือการแซะ

ทนายเกิดผล เปิดเผยต่อว่า ตนไม่ได้โกรธอะไรเลย มองว่าเป็นทนายความ ซึ่งไม่มีวุฒิภาวะเลย ต้องคุยกันเรื่องกฎหมาย พอเขาไลฟ์สดว่ามีคนไปบูลลี่ทนายธรรมราชว่าเป็นทนายขยะ ตนไม่เคยไปว่าเขานะ ถ้าใครด่าเขา เขาก็ต้องไปว่าคนนั้น สิ่งเหล่านี้ควรมีมาตรฐาน ถ้าตนไม่ยื่นวันนี้ เดี๋ยวเขาก็จะไปว่าคนอื่นต่อ ซึ่งเขาเองก็ไม่สำนึก

“ส่วนอาการป่วยของผม อยู่ในระหว่างการรักษาด้วยการกินยา และควบคุมอาหาร รักษาได้ด้วยวิธีเปลี่ยนไต แต่ผมไม่อยากเปลี่ยน และอีกวิธีคือการฟอกไต ตรงนี้ร่างกายก็ยังไม่แข็งแรง หมอต้องกระตุ้นเมล็ดเลือดให้ จนกว่าเมล็ดเลือดจะแข็งแรง แล้วถึงฟอกไตได้ ซึ่งตอนนี้ตนก็ยังแข็งแรงดีอยู่”ทนายเกิดผลกล่าวปิดท้าย