ทนายธรรมราช ทนายความน้องไนท์ (ครอบครัวเชื่อมจิต) เดินทางมายังสภาทนายความ หลังได้รับคำเชิญจากสภาทนายความ ให้เข้ามาพูดคุย เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของทนายความที่ปรากฏแก่สื่อมวลชน
นายธรรมราช เปิดเผยว่า เนื่องจากสภาทนายความได้เห็นพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์และการให้สัมภาษณ์สื่อของตนที่อาจจะกระทบถึงภาพลักษณ์ต่อวิชาชีพสภาทนายความ จึงเชิญมาพูดคุยและอาจจะมีการตักเตือนในลักษณะของผู้ปกครองของทนายความเพราะตนก็ถือว่าสภาทนายความก็เป็นพ่อแม่ของวิชาชีพทนายความ คาดว่าน่าจะมีการพูดคุยปรับทำความเข้าใจกัน ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะปรับพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือการปรากฏต่อสื่อมวลชนที่ไม่เหมาะสม แต่หาให้เปลี่ยนบุคลิกภาพของตนเอง คงจะทำไม่ได้เพราะถือว่าเป็นสไตล์ใครสไตล์มัน โดยทนายธรรมราชก็ยกตัวอย่าง ว่า ทนายความบางคน ยังชอบพูดคำว่าจุ๊กกรู้ ซึ่งตนเองมองว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมต่อวิชาชีพทนายความเหมือนกัน เพราะถ้าอยากเป็นนกทำไมไม่ไปอยู่สวนสัตว์ ไม่ควรมาเป็นทนายความ นอกจากนี้ยังมีทนายความบางคน บุกไปหาเรื่องพระถึงหน้าวัด ซึ่งมองว่าไม่ใช่หน้าที่ของทนายความ ซึ่งตนเห็นว่าผู้ใหญ่ของสะพานทนายความก็ควรจะเห็นพฤติกรรมของทนายเหล่านี้และเรียกมาคุยเหมือนกับตนด้วย
ส่วนกรณีที่กลุ่มต่อต้านครอบครัวเชื่อมจิตร้องเรียนกับคณะกรรมการมันยากสภาทนายความให้เอาผิดด้านมันญาติทนายความกับตนซึ่งอาจจะมีผลถึงขั้นทำให้ตนถูกเพิกถอรใบประกอบวิชาชีพทนายธรรมราชระบุว่าเรื่องนี้ตนคงไม่ก้าวร่วงถึงการทำงานของคณะกรรมการมันยากทนายความ เพราะเป็นถือว่าเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ
โดยตรงที่ยังยืนยันว่าจะว่าความให้กับ ครอบครัวเชื่อมจิตต่อไป เพราะพิจารณาแล้ว เห็นว่า ครอบครัวชื่นจิตร มีวัตถุประสงค์ที่จะเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา แต่อาจทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มไม่ถูกใจไปบ้าง
- อ.เจษฎา เผยสาเหตุ อาจทำให้ ตู้เย็นระเบิด กรณีที่ จ.ร้อยเอ็ดเป็นตัวอย่าง
- ย้อนวันวาน น้องหมีเนย สมัยไม่ดัง สู่ปรากฏการณ์สุดปังแห่งปี 2024
- ผ้าเหลืองฉุดไม่อยู่! รวบเจ้าอาวาสวัย 41 ขืนใจเณรอายุ 13 บังคับร่วมเพศทางทวาร
ด้านนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ที่ปรึกษาสภาศิลปินเพื่อพระพุทธศาสนา เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์การเดินทางมาสภาทนายความของทนายธรรมราชด้วย โดนเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคมปี 2566 ที่ผ่านมาตนพร้อมกับ กลุ่มคนที่เห็นต่างกับครอบครัวเชื่อมจิตได้เดินทางมายื่นให้สภาทนายความพิจารณาพฤติกรรมของทนายธรรมราช ว่าผิดต่อมันญาติทนายความและวิชาชีพหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เก็บพยานหลักฐานพฤติกรรมของทนายธรรมราชที่มีการไลฟ์สด ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ซึ่งมีบางถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับวิชาชีพทนายความ โดยพร้อมจะนำพยานหลักฐานเหล่านี้ไปมอบให้สภาทนายความพิจารณาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูอี้ทันคุณยืนยันว่าตนจะยังคงต่อสู้เพื่อปกป้องพุทธศาสนาต่อไป
ทั้งนี้นายแทนคุณประเมินท่าทีของทนายธรรมราชระหว่างการสัมภาษณ์ว่า ยังคงมีอาการดื้อดึง เนื่องจากมีความเชื่อแบบผิดๆ รู้สึกสงสารว่าทำไมยังคงมีคนที่มีพฤติกรรมตีความบิดเบือนได้แบบนี้และยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม อีกทั้ง ยังคงเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกโดยที่ไม่ฟังเสียงบุคคลอื่นแม้กระทั่งคอมเม้นใน Facebook โดยอ้างว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ความเชื่อดังกล่าวนั้น ควรจะต้องอยู่ในหลักความถูกต้องของพระพุทธศาสนา เพราะพุทธศาสนา เป็นองค์ความรู้ ที่จะต้องเรียนรู้จากการปฏิบัติ ถึงจะสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ ไม่ใช่เชื่อแบบผิดๆไปเอง
ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามอีกว่า คิดว่าการพูดคุยครั้งนี้ของสภาทนายความนั้นจากสภาสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของทนายธรรมราชได้หรือไม่ นายแทนคุณ บอกว่า คนบางคนนั้นมีความจำอยู่ในสมองเต็มหมดแล้วเหมือนมีขุนเขาอยู่บนหัวอยู่จะเติมอะไรก็ไม่รับ ดังนั้นจึงมองว่าต่อให้นำเสนอสิ่งดีๆเข้าไป เขาก็คงไม่รับรู้และอยู่ภายใต้ โลกความเชื่อของเขาต่อไป
ทั้งนี้ในระหว่างที่สื่อมวลชน สัมภาษณ์ทั้งสองฝ่าย นายแทนคุณ ได้พูดเชิญชวนให้นายธรรมราชมาร่วมสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยกัน แต่ทนายธรรมราชปฏิเสธ โดยบอกว่าต่างคนต่าง ให้สัมภาษณ์จะดีกว่า อย่างไรก็ตาม นายธรรมราชบอกนายแทนคุณว่า มีคดีความที่ฟ้องร้องกันอยู่แล้ว มีอะไรให้ไปคุยกันในชั้นศาลทีเดียว
นอกจากนี้ในระหว่าง ที่นายธรรมราชให้สัมภาษณ์อยู่นั้น นายแทนคุณก็ยืนฟังอยู่ไม่ไกลกันนักและผู้สื่อข่าวสังเกตปฏิกิริยาเห็นว่านายแทนคุณยืนอมยิ้มและส่ายหัวในบางคำตอบของนายธรรมราชตลอดการให้สัมภาษณ์