จากกรณี บ้านย่านรามอินทรา ซึ่งถูกร้องเรียนว่า เพื่อนบ้านข้างๆ บุกรุกเข้าไปอยู่อาศัยและต่อเติม เนื่องจากเจ้าของบ้านตัวจริงไม่ได้เข้ามาอยู่อาศัยนานหลายสิบปี แม้จะมีการแจ้งความและพูดคุยกันไปแล้วรอบนึง แต่ล่าสุด เพื่อนบ้านรายดังกล่าวก็ยังเข้าอาศัย และเปิดเป็นร้านขายอาหาร อ้างว่าครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมายแล้ว
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของทางฝั่งอากู๋ นายซันและภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง บอกว่า คดีนี้เป็นลักษณ์ของกลุ่มคนหน้าด้านบางคน ที่มีการดำเนินคดีข้อหาบุกรุกไปแล้วอย่างน้อย 5 คน มีการไหว้ขอโทษขอโพยกันและจะยอมสละสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ โดยคุยกันถึงเรื่องจะเช่า หรือ จะซื้อ แต่ตกลงกันเรื่องค่าเสียหายไม่ได้ จำนวน 4-5 ล้านบาท จึงทำให้เกิดประเด็นขึ้นอีกรอบ
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายช่องว่าไม่มีเจตนาที่จะไปครอบครอง จะยอมซื้อหรือเช่าตามที่ตกลงกัน แต่ทางฝั่งคู่กรณี มีการเปลี่ยนทนายเพราะทนายคนเก่า ยอมยกผ้ายอมแพ้ มาตั้งเรื่องฟ้องปรปักษ์ อ้างว่าครอบครองมา 13 ปีเศษตั้งแต่ปี 2553
โดยนำสืบพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายที่คู่กรณีอ้างว่าปี 2553 มีการเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวแล้ว ซึ่งตอนนั้นยังมีต้นกล้วยขึ้นรกร้างมีซากตุ๊กแกตาย ทางทนายเดชา จึงอยากถามกลับไปว่า ในสภาพแบบนี้เข้าไปอาศัยอยู่ได้จริงหรือ ไปเป็นผีตานีสิงอยู่ในต้นกล้วยหรือไปนอนอยู่ข้างตุ๊กแกตาย
ซึ่งภาพใน Google Street View ปี 2555 ทนายเดชา บอกว่า ดูแล้วมันชัดเจน ว่ายังไม่มีการเข้าไปอยู่อาศัย มีเพียงเอารถ จยย. เอารถเข็ญ เอาของเข้าไปเก็บไว้ ซึ่งถ้าการเอาของไปเก็บไว้ที่บ้านร้างเกิน 10 ปีและจะมาตีความใช้กฏหมายฟ้องปรปักษ์ เอาทรัพย์สินของคนอื่นเป็นของตนเองแบบนี้ ตนเองมองว่าเป็นการกระทำที่หน้าด้าน
จึงฝากถึงทนายความฝั่งคู่กรณีว่า อย่ารับแต่เงินและว่าความอย่างเดียวให้ดูที่ศีลธรรมด้วย และหากนำสืบไปแล้วว่า มีการใช้พยานหลักฐานเท็จก็จะมีการดำเนินคดีด้วย ไม่ว่าจะพระสงฆ์องค์เจ้า ถ้าให้การเท็จดำเนินคดีทั้งหมด
นอกจากนี้ตรวจสอบเพิ่ม สังเกตเห็นว่าที่ประตูรั้วของบ้านหลังนี้ มีกระดาษสีชมพู 2 แผ่น ติดอยู่พร้อมข้อความระบุว่า บ้านหลังนี้ข้าพเจ้าได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย บุคคลใดเข้ามากระทำการใดๆ ในบ้านและที่ดินและบ้านหลังนี้ถือว่า มีความผิดฐานบุกรุก จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ล่าสุดพบว่าบ้านถูกปิดเงียบแต่อุปกรณ์ทำครัวยังอยู่เหมือนเดิม ทีมข่าวโทรสอบถาม ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นไว้อยู่ในป้ายขายไก่ทอดน้ำปลา ปลายสายที่รับ บอกว่าตนเองอยู่จังหวัดสงขลา และไม่ได้ขายไก่ทอดน้ำปลา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านหลังดังกล่าว ที่มีกรณีพิพาท มีคนติดต่อ มาถาม 2-3 วันแล้ว ตนเองก็รู้สึกงงมาก หากเป็นการนำเบอร์ไปแอบอ้างขึ้นป้าย อยากให้เอาออกด้วย