ถึงเวลาต้องสู้! แท็กซี่ขืนใจ ติดคุกแค่ 3 ปี ชี้ไม่ควรได้ลดโทษ เพราะผลกระทบตกที่เหยื่อ ร้ายกว่าคือภาวะป่วย รักษาแบบชอร์ตไฟฟ้า ใช้ชีวิตปกติไม่ได้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พ.ค.66 น.ส.เอ (นามสมมติ) เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ หลังถูกแท็กซี่ที่เรียกผ่านแอพพลิเคชัน ข่มขืนกระทำชำเรา ก่อนแจ้งความดำเนินคดี โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 6 ปี ผู้ต้องหารับสารภาพ เหลือจำคุกเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น
น.ส.เอ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางคืน วันที่ 30 พ.ย.65 ตนไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทองหล่อ และกำลังจะกลับบ้าน ซึ่งตอนแรกแฟนบอกว่าจะมารับ แต่เขาดื่มกับเพื่อนมา จึงไม่สะดวกขับรถเพราะกลัวด่าน เราเลยตกลงกันว่าไปเจอที่ห้องดีกว่า จากนั้นตนจึงเรียกรถผ่านแอพฯ เพราะคิดว่าปลอดภัย เมื่อรถมาถึงตนก็พักสายตา
สักพักลืมตาขึ้นมาอีกทีปรากฏว่าคนขับรถขับเลยบ้านของตน ทำให้ตนทักท้วงไป แต่คนขับบอกว่า “จะพาไปม่านรูด” จากนั้นก็เลี้ยวพาตนมาจอดอยู่ที่ลานกว้าง มืด และเปลี่ยวมาก หลังจากนั้นคนขับก็ย้ายมานั่งข้างหลังรถ ก่อนที่จะจับมือตนชูขึ้นเหนือหัวแล้วเอาเข็มขัดรัดไว้
ตอนนั้นไม่กล้าขัดขืนหรือส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เพราะกลัวว่าภายในรถจะมีอาวุธ จึงได้จำใจยอมถูกข่มขืน เมื่อเสร็จแล้ว ตนก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแฟนทันที พอคนขับรถได้ยินเสียงแฟนก็รีบทิ้งตนเอาไว้ที่ลานกว้างก่อนขับรถหนีไป
หลังจากเกิดเรื่อง ตนก็ไปที่โรงพยาบาลสินแพทย์ และบอกรายละเอียดให้แพทย์ฟัง ได้คำแนะนำว่า ควรมาที่โรงพยาบาลตำรวจ จะได้เก็บหลักฐานละเอียด เมื่อมาถึงหมอก็ให้กินยาต้าน HIV เนื่องจากหลั่งใน ก่อนที่จะเจาะเลือด เก็บหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายและรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง
สิ่งที่ทำให้เราออกมาต่อสู้เรื่องนี้เพราะว่า กฎหมายที่อ่อนจนเกินไป กรณีของเรา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 6 ปี แต่คนร้ายรับสารภาพหรือจำคุกแค่ 3 ปี ยังไม่รวมกับที่ได้รับอภัยโทษอีก มองว่ามันไม่คุ้มกันเลย หากเทียบกับเราที่เหมือนใช้ชีวิตแบบตายทั้งเป็น เป็นโรคซึมเศร้า PTSD และโรครุมเร้ามากมาย
ทุกวันนี้กินยาวันละ 12 เม็ด จนหมอไม่สามารถปรับยาให้ได้แล้ว เนื่องจากมีภาวะอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องใช้การรักษาแบบชอร์ตไฟฟ้า ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติไม่ได้ หวาดระแวงแท็กซี่ หรือชายที่บุคลิกคล้ายกับคนก่อเหตุ ทุกอย่างมันแย่มาก แต่ที่ออกมาสู้เพราะอยากให้พรรคก้าวไกล ออกมาแก้ไขกฎหมายข่มขืน ไม่ควรถูกลดโทษ เพราะมันเป็นสิ่งที่คิดมาแล้วว่าจะก่อเหตุ และผลกระทบมันก็มาตกอยู่ที่ผู้เสียหายอย่างเรา
ที่เข้มแข็งและออกมาสู้แบบนี้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอะไรไปเมื่อไหร่ เนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รับทราบเรื่องราวของตน และแก้ไขมันอย่างจริงจัง เนื่องจากหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ ก็มีหลายคนทักข้อความมาหาว่าเจอกรณีแบบเดียวกัน