ถก พ.ร.บ.ตำรวจ ระอุ ‘สว.’ โต้เดือด ขอเปลี่ยนประธาน หลัง ‘พรเพชร’ สั่ง ‘เสรี’ หยุดพูด ด้าน ‘ชวน’ ต้องหย่าศึกทันที วอนสมาชิกให้เกียรติ
เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 9 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เข้าสู่การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ….วาระ 2 เรียงตามมาตรา โดย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ส.ว.ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ รายงานผลพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ว่า
การพิจารณาเนื้อหาของกรรมาธิการฯ ได้นำรายละเอียดร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ชุดที่มี พล.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.), ฉบับของ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และฉบับที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาประกอบร่วมกัน รวมถึงนำเอกสาารงานวิจัยและงานสัมมนาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อสังเกตขององค์กรต่างๆ และรับฟังความเห็น คำชี้แจงของผู้เกี่ยวข้อง
โดยผลการพิจารณาของกรรมาธิการฯฉบับที่รับหลักการ มี 172 มาตรา แก้ไขเพิ่มเติม 69 มาตรา เพิ่มขึ้นใหม่ 10 มาตรา และคงไว้ตามร่างเดิม 103 มาตรา และมีข้อสังเกตที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรทราบและปฏิบัติจึงบันทึกไว้ให้พิจารณา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภาพรวมการอภิปรายเป็นไปด้วยความล่าช้า ผ่านไป 4 ชั่วโมง พิจารณาได้เพียง 6 มาตรา ทั้งนี้ ในมาตรา 6 ว่าด้วยอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งกรรมาธิการฯ มีการแก้ไข (2) ที่กำหนดให้ สตช. ดูแล ควบคุม และกำกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ตามประมวลกฎหมายอาญาวิธีพิจารณาความอาญาเท่านั้น แต่ในร่างเดิมกำหนดให้ครอบคลุมไปยังกฎหมายอื่นๆ ด้วย
โดยที่ประชุมใช้เวลาค่อนข้างนานกับการอภิปรายมาตราดังกล่าว กระทั่ง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานขณะนั้น ขอให้สมาชิกช่วยกระชับเวลา เนื่องจากยังมีอีกหลายมาตรารอพิจารณาอยู่ สร้างความไม่พอใจให้ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ที่กำลังอภิปราย จึงกล่าวว่า ตนยังไม่เข้าเนื้อหาเลย อย่างนี้จะรู้เรื่องกันอย่างไร ไม่เข้าใจว่าประธานจะตัดบททำไม
ทำให้ นายพรเพชร กล่าวสวนขึ้นมาว่า เป็นเพราะนายเสรี ไม่ได้ลงชื่อไว้ นายเสรี จึงสวนกลับทันทีว่า มีข้อบังคับข้อไหนที่ต้องให้ลงชื่อ นายพรเพชร จึงชี้แจงว่า มี เป็นวิธีปฏิบัติที่สภานี้ทำตลอดมา นายเสรี จึงถามว่าอะไรคือวิธีปฏิบัติ ตนมีสิทธิอภิปรายได้
อย่างไรก็ตามทั้ง นายพรเพชร และนายเสรี ยังคงตอบโต้กันไปมา จนนายพรเพชร ต้องกดปิดไมค์ไม่ให้นายเสรีพูด พร้อมกับกล่าวว่า ตนเรียนแล้วว่าอยู่ขั้นตอนการพิจารณาวาระ 2 และมีผู้เสนอความเห็น และประสงค์จะอภิปรายกับครบถ้วนแล้ว และกรรมาธิการฯก็ชี้แจงแล้ว ทำให้นายเสรี ประท้วงที่ประธานตัดสิทธิไม่ให้พูด
แต่นายพรเพชร ใช้ดุลพินิจว่านายเสรีได้อภิปรายมาพอสมควรแล้ว ทำให้นายเสรีไม่พอใจ กล่าวว่า ที่บอกว่าพอสมควร คืออะไร ท่านลองฟังคนทั้งสภา ว่าพอสมควรแล้วหรือ แต่นายพรเพชรยืนยันว่า อภิปรายมาพอสมควรแล้ว และหันไปอนุญาตให้ พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.อภิปราย
พล.อ.ต.เฉลิมชัย กล่าวว่า ตนใช้เวลาไม่นาน ขอทวงคำตอบสิ่งที่อภิปรายไปเท่านั้น ตนไม่มีประเด็นไปทำลายองค์กรใดทั้งสิ้น เพราะเชื่อหลักการว่า สนิมเกิดจากเนื้อใน เช่น วงการแพทย์ที่จะเสียหายก็เกิดจากแพทย์กันเอง ทนายความที่จะเสียหายก็เกิดจากทนายความกันเอง
ทำให้ นายเสรี ลุกขึ้นประท้วงประธานขณะพล.อ.ต.เฉลิมชัย กำลังพูดอยู่ ว่า ถ้าไม่ให้พูดก็จะประท้วงแบบนี้ ท่านจะไม่ได้ประชุมแน่ นายพรเพชร จึงกล่าวว่า ถ้ายังประท้วงก็ต้องมีมาตรการต่อไป นายเสรี จึงบอกว่า ก็ไม่เป็นไร ท่านก็ไล่ตนออก เพราะตนทำถูกข้อบังคับ และประธานผิดข้อบังคับ แต่นายพรเพชร ไม่สนใจ ขณะที่นายเสรียังคงประท้วง ทำให้นายพรเพชรกล่าวว่า ตนเองได้วินิจฉัยไปแล้ว
แต่นายเสรี พยายามจะให้นายพรเพชร บอกว่าตัวเองผิดข้อบังคับข้อใด ตนพูดในเนื้อหาที่กรรมมาธิการฯตัดออก ท่านถามประธานรัฐสภา ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้าหากท่านต้องการให้ที่ประชุมสงบ ท่านลองเปลี่ยนประธานที่ประชุมให้ประธานรัฐสภามาคุม แต่นายพรเพชรยืนยันว่า วินิจฉัยถูกต้องตามข้อบังคับที่ 50 แต่นายเสรียังคงไม่พอใจ ขอให้เปลี่ยนตัวประธานในที่ประชุม และให้สมาชิกยกมือว่าจะให้เปลี่ยนหรือไม่
นายพรเพชร จึงให้นายเสรีนั่งลง เพราะพูดเกินเลยไปแล้ว ขอให้ใจเย็นๆ แต่นายเสรีย้อนกลับว่า ไม่นั่ง เพราะยังทำหน้าที่ไม่ครบถ้วน ถ้านั่งก็แสดงว่าไม่รับผิดชอบ ตนไม่นั่ง ท่านกรุณาไล่ตนออกจากห้องด้วย นายพรเพชรจึงบอกว่า ไม่ไล่ แต่ขอให้นั่งลงและไม่ให้อภิปราย แต่นายเสรีไม่ยอม และจะประท้วงอยู่อย่างนี้ นายพรเพชร จึงกล่าวว่า ถ้ายังประท้วงขอเชิญออกจากห้องประชุม
จากนั้นที่ประชุมได้ดำเนินต่อไป และลงมติ ผลปรากฏเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยให้มีการแก้ไขด้วยคะแนน 430 ต่อ 42 งดออกเสียง 5 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง ดังนั้นมาตรา 6 ให้กลับไปใช้ตามร่างเดิม
ต่อมา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่สลับมาทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้กล่าวขึ้นว่า การทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ต้องสลับกันระหว่างตนและนายพรเพชร ขอให้สมาชิกให้เกียรติรองประธานรัฐสภาด้วย