หลังจากที่ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม นักสอยคิวไทยจอมเก๋าวัย 52 ปี อดีตมืออันดับ 3 ของโลก แทงชนะ ลิ้ม ก๊อก เลียน จากมาเลเซีย 4-2 เฟรม สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญทองแรกของตัวเอง ในประเภทสนุกเกอร์ 15 แดง การแข่งขันบิลเลียด มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ฮาดอง ยิมเนเซียม กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมนั้น
หลังการแข่งขัน “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม เปิดเผยว่า เป็นเหรียญที่รอคอยมา 35 ปี เพราะตนเองเคยภาวนาไว้กับสิ่งศักดิ์ว่าขออีกสักครั้ง ไม่ใช่ว่าชนะอย่างเดียว แต่ต้องแทงดีด้วย และวันนี้ทำได้สำเร็จแล้ว ต้องแทงแบบให้โลกจำหรือเปล่าไม่รู้นะ (หัวเราะ) แต่ครั้งนี้ถือว่าการที่เราโชว์ฟอร์มดี อยากให้นักกีฬารุ่นใหม่และเก่า รวมทั้งต่างประเทศได้เห็นว่า เราไม่อยากเป็นผู้ชนะอย่างเดียว แต่เราต้องชนะน็อกด้วย เพราะฉะนั้นครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ตนมีความสุขแทนนักกีฬาไทยทุกคน และผู้จัดการทีมด้วย
“เราเป็นคนไทย และสนุกเกอร์ไม่ใช่จะได้ง่ายๆ นะ ด้วยสภาพโต๊ะ และค่อนข้างมีอุปสรรคต่างๆ แต่เราก็ผ่านมาได้ ซีเกมส์ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ถ้ามีครั้งแรกก็อาจจะมีครั้งต่อไปนะครับ (หัวเราะ) แต่อยู่ที่ว่าผู้ใหญ่จะเอ็นดูเราหรือเปล่านะครับ ส่วนตัวผมอายุ 52 ปีแล้ว ก็อยากจะให้เด็กใหม่ๆ เกิดขึ้นมาแทนเราด้วย ไม่อยากให้จบที่เรา สำหรับซีเกมส์ กับรายการอาชีพระดับโลกมันตื่นเต้นกันคนละแบบ ด้วยสภาพโต๊ะที่นี่หลุมค่อนข้างใหญ่ แต่ที่นู้นหลุมค่อนข้างเล็ก แล้วเล่น 4 ใน 7 เฟรม อะไรก็เกิดขึ้นได้ และเราทำเป็นทีมเวิร์ก เพื่อนๆ ก็เชียร์เราอยู่ รวมถึงพี่น้องชาวไทยด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เล่นคนเดียวละ”
จอมคิวไทยกล่าวอีกว่า ตอนเล่นระดับอาชีพไม่มีพะวงอะไรมาก เพราะอย่างน้อยเราก็เล่นเพื่อตัวเอง ครอบครัว และประเทศชาติอยู่แล้ว แต่ในซีเกมส์ครั้งนี้ความต้องการของทุกคนมีมากกว่าตนเองเสียอีก แต่ก็ทำได้สำเร็จแล้ว ก็ขอขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณทุกท่านที่ส่งแรงใจเชียร์ มันรู้สึกพูดไม่ออก มันได้ใจมาก เหรียญทองซีเกมส์ครั้งนี้ก็เหมือนการคว้าแชมป์โลกสมัครเล่นเลยก็ว่าได้ ฟีลดีมากเลยที่ทำให้ทุกคนมีรอยยิ้ม และทำได้สำเร็จแล้ว อยากให้นักกีฬาใหม่ๆ มองตนเองเป็นสะพานแห่งแรงบันดาลใจให้สู้ต่อไปเถอะ ไม่ว่าเราจะอายุขนาดไหน ขอให้เราได้สู้
“ผมเองอาจจะเล่นอีกสักพัก แต่อาจจะเป็น 1 ปี 2 ปี 3 ปี และอยากจะหาเพชรน้ำงามวันรุ่นขึ้นมา เพราะตอนนี้เราเริ่มเป็นรองจีนแล้ว แต่ผมเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพ และมีความพิเศษ มีไหวพริบที่ดีในกีฬาประเภทนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าเราสู้ได้นะ แต่ถ้าเราได้มีสวัสดิการเข้าไปช่วย มีกฏกติกามารยาทเข้าไปช่วย นักกีฬาจะได้อยู่รอด เพราะตอนนี้เรามีหลายกีฬาให้ได้เลือก ผมก็เป็นห่วงกีฬาสนุกเกอร์ กับการเก่งอีกระดับหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเราต้องมีทุนทรัพย์ มีผู้ใหญ่ใจดี ผมอยากจะขอเป็นตัวแทนกีฬาคิวสปอร์ต ผมเองก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ตลอด ยังไงเราก็ต้องตายสักวันหนึ่ง ก็ต้องหาเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา”
นอกจากนี้ “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม ยังกลายเป็นนักสอยคิวทีมชาติไทยคนที่ 6 ที่สามารถคว้าเหรียญทองสนุกเกอร์เดี่ยว ในกีฬาซีเกมส์ต่อจาก “ชัย ลำพูน” ศักดิ์ชัย ซิมงาม (ซีเกมส์ 1987 ที่ฟิลิปปินส์), “อิศ จันท์” อิศรา กะไชยวงษ์ 2 สมัย (ซีเกมส์ 2005 ที่ฟิลิปปินส์ และ 2013 ที่พม่า), “แจ็ค เชียงใหม่” สุพจน์ แสนหล้า (ซีเกมส์ 2009 ที่ลาว), “เอฟ นครนายก” เทพไชยา อุ่นหนู (ซีเกมส์ 2011 ที่อินโดนีเซีย) และ “นุ้ก สากล” กฤษณัส เลิศสัตยาทร (ซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์)