ต่างชาติผวาเที่ยวไทย อ้างหวิดถูกโชเฟอร์ลักพาตัว เล่าละเอียด พบพิรุธตั้งแต่ก้าวขึ้นรถ

Home » ต่างชาติผวาเที่ยวไทย อ้างหวิดถูกโชเฟอร์ลักพาตัว เล่าละเอียด พบพิรุธตั้งแต่ก้าวขึ้นรถ
ต่างชาติผวาเที่ยวไทย อ้างหวิดถูกโชเฟอร์ลักพาตัว เล่าละเอียด พบพิรุธตั้งแต่ก้าวขึ้นรถ

หนุ่มมาเลย์ ผวาเที่ยวไทยกับเพื่อนๆ อ้างเกือบถูกโชเฟอร์ลักพาตัวยกแก๊ง เล่าละเอียดพบพิรุธตั้งแต่ต้น แถมรายงานปลายสายตลอดทาง

ลองนึกภาพว่าหากกำลังเพลิดเพลินกับการเดินทางไปต่างประเทศ แต่กลับต้องเจอกับประสบการณ์เกือบจะถูก “ลักพาตัว” โดยคนขับรถโดยสาร เนื่องจากล่าสุด มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย อ้างว่าพวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่โชคร้ายในประเทศไทย

“Andrew Tong” โพสต์ในเฟซบุ๊กแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวในประเทศไทย อ้าวว่าเขาและเพื่อนๆ เกือบถูกคนขับรถลักพาตัวระหว่างเดินทางไปสนามบิน โดยเขาเขียนเล่าว่า “ประสบการณ์อันตรายจากการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันในกรุงเทพฯ เราเกือบจะถูกลักพาตัวไปขายแล้ว ทุกคนต้องระมัดระวัง”

กลุ่มของเขาซึ่งประกอบด้วยชาย 2 คน (รวมตัวเขาเอง) และผู้หญิง 3 คน ได้เรียกรถรับส่งผู้โดยสารผ่านทางแอปพลิเคชัน เพื่อเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง โดยรถที่มารับเป็นรถกระบะธรรมดาๆ แต่แล้วกลับพบว่ามีบางอย่างผิดปกติตั้งแต่ก้าวขึ้นรถ

“คนขับมาถึงตอน 19.00 น. หลังจากขึ้นรถแล้วเพื่อนผู้ชายอีกคนก็ระมัดระวังมากขึ้นทันที เพราะเมื่อเราเข้าไปในรถก็พบสิ่งผิดปกติ หน้าต่างรถมืดไปหมด และทันทีที่เราขึ้นรถคนขับก็เริ่มต่อสายโทรศัพท์หาใครบางคน และถามเราว่าเรามาจากไหน เราไม่ได้คิดมากจึงตอบไปว่า ‘มาจากมาเลเซีย’ ตอนนั้นเพื่อนผู้ชายอีกคนขอให้ผมฟังบทสนทนาระหว่างคนขับกับอีกฝ่ายที่คุยโทรศัพท์อยู่ เพราะผมเข้าใจภาษาไทย ”

เมื่อเขาลองฟังแล้วเขาก็จับใจความได้ว่า คนขับกำลังบรรยายให้ปลายสายฟังว่ามีคนอยู่ในรถกี่คน เพศอะไรบ้าง และรายละเอียดอื่นๆ ซึ่งเขามองว่า “คนขับธรรมดาจะไม่บรรยายและอธิบายเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด คนขับปกติจะโทรหาภรรยาและสมาชิกในครอบครัว” จากนั้นเขาจึงเริ่มแปลบทสนทนาให้เพื่อนของเขาฟัง และคนขับก็สังเกตเห็นการกระทำของเขา “ผมได้ยินเขาบอกอีกฝ่ายว่ามีคนเข้าใจภาษาไทยและแปลได้ชัดเจนมาก เขารู้ทุกความเคลื่อนไหวที่เราทำและรายงานให้อีกฝ่ายทราบทางโทรศัพท์” เขากล่าวเสริม

ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจและระแวดระวังต่อสถานการณ์ที่ไม่ปกติ พวกเขาจึงตัดสินใจเปิดใช้ GPS ในโทรศัพท์ของตัวเอง เพื่อตรวจสอบว่าอยู่ห่างจากสนามบินแค่ไหน และพบว่าเส้นทางมันไม่ตรงกับ GPS ในโทรศัพท์ของคนขับ “เราเห็นว่าเวลาไปสนามบินคือ 30 นาที แต่ Google Maps ของคนขับแสดงไว้ 50 นาที และเมื่อเห็นว่าเราเปิด GPS คนขับก็รายงานให้อีกปลายสายทราบทันทีด้วย ”

เมื่อรับรู้ได้ถึงสถานการณ์อันตราย พวกเขาจึงตัดสินใจขอลงจากรถ บังเอิญตอนนั้นรถติดที่สยามเซ็นเตอร์ จึงทำทีขอออกไปเข้าห้องน้ำในห้างสรรพสินค้า แต่กลับถูกปฏิเสธ คนขับเริ่มมีสีหน้าบึ้งตึงและน้ำเสียงไม่พอใจ อ้างว่าตำรวจไม่อนุญาตให้จอดรถตรงนี้ ถ้าฝ่าฝืนจะถูกจับกุม ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนเป็นขอให้พาไปที่ปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 นาที

และก็เป็นอีกครั้งที่คนขับรายงานสถานการณ์ปลายสายทราบ โดยบอกว่า “สงสัยว่ากำลังพยายามหนี” และทันทีที่ได้ยินแบบนั้นพวกเขาทั้งกลุ่มจึงตัดสินใจเปิดประตูออกมาทันที และรีบหยิบกระเป๋าที่อยู่ด้านหลังกระบะ วิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนขับไม่ทันได้ห้ามหรือเตรียมรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ อาจเพราะไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะวิ่งออกมาบนถนนสายหลัก ที่น่าสังเกตุคือ คนขับไม่ไล่ตามมาเก็บเงินค่าเดินทางด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนขับปกติจะขับรถไปส่งผู้โดยสารฟรีๆ

สุดท้ายนี้ เขารู้สึกขอบคุณตัวเองและเพื่อนๆ ที่ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และไหวตัวทันก่อนเกิดอันตราย และอยากเตือนผู้อื่นให้ระมัดระวังขณะเดินทาง เนื่องจากหลายคนอาจไม่โชคดีเหมือนเขาและเพื่อนๆ และเมื่อตรวจสอบจากโปรไฟล์ของคนขับก็พบว่า เคยรับผู้โดยสารมาแล้วมากกว่า 600 ราย ก่อนที่จะมารับพวกเขา

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ