ตู่ เหน็บ ที่ดินไทยเหลือพอ เหตุคนไปอยู่ตปท. โว เป็นนายกฯ ช่างคิด เมินคนเกลียด 

Home » ตู่ เหน็บ ที่ดินไทยเหลือพอ เหตุคนไปอยู่ตปท. โว เป็นนายกฯ ช่างคิด เมินคนเกลียด 



บิ๊กตู่ แจง ยุทธศาสตร์ชาติปรับได้ ไม่ใช่ต้องการอยู่ในอำนาจยาว เหน็บ ที่ดินในไทยเหลือเยอะ เหตุคนไปอยู่ต่างประเทศ บอกไม่ใช่นายกฯ ที่ดีที่สุด เมินคนเกลียด

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่ห้องประชุม 421 ชั้น 2 อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดการศึกษา หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 พร้อมกับกล่าวบรรยายหัวข้อ บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากแล้ว ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ได้เปรียบ แม้จะประสบปัญหาอยู่บ้าง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งโรคระบาด ภัยพิบัติ ตลอดจนเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งและการพัฒนาตัวเอง ความร่วมมือร่วมใจถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการดูแลช่วยเหลือเยียวยาแก้ปัญหาของประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. ถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลจะได้แสดงศักยภาพของประเทศในการขับเคลื่อนพัฒนา เพื่อบรรลุตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ชาติ หลายคนตกใจกลัวว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ช่วยไปดูรายละเอียด และสร้างความเข้าใจว่า แต่ละช่วง ทุก 5 ปีจะกลับมาย้อนดูและปรับปรุง ต่างประเทศก็ทำแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถทำอะไรให้เกิดความยั่งยืนได้ นโยบายที่วางไว้จะได้จบ ไม่เหมือนกับบางรัฐบาลมีอายุสั้น ผลงานจึงไม่ค่อยปรากฏออกมา

“ในปัจจุบันเราได้เดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติเข้าสู่ระยะที่สองแล้ว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ไม่ใช่ทุกอย่างจะแข็งไปเสียทั้งหมด หลายคนบอกว่าการกำหนดยุทธศาสตร์ไว้นาน เพราะจะอยู่ในอำนาจนานหรือไม่ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น อะไรที่วางเอาไว้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ตามสามารถสานต่อได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าโครงการสำคัญๆ เมื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติแล้วจะต้องทำให้สำเร็จต่อเนื่อง เห็นได้จากผลงาน 8 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างเกิดขึ้น โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีความต่อเนื่อง และไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่สามารถสานต่อได้ ส่วนเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่มีอยู่ ต้องสุจริตโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้

“บทบาทของภาครัฐวันนี้ไม่ใช่แค่รักษาอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยแล้ว วันนี้ไม่ใช่ถือดาบถือปืนเดินหน้าลุยกันเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่วันนี้มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ มากมาย สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุด คือ ทำอย่างไรเราจะสงบเรียบร้อย ไม่เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ ทั้งจากพวกเรากันเองและภายนอก ทำอย่างไรให้ดินแดนของเราเป็นดินแดนสงบสุข เป็นดินแดนแห่งสันติภาพและรอยยิ้ม เราอยากให้ดินแดนอาเซียนเป็นดินแดนแห่งสันติภาพ พูดคุยกับใครก็ได้ แก้ปัญหาอะไรก็ได้ เป็นสิ่งที่เราพยายามทำและพยายามสร้างคนไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำอย่างดีที่สุด ทั้งแก้ปัญหาเก่าและรับปัญหาใหม่ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างความเข้าใจ นอกจากนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ใช่บัตรคนจน ในเรื่องรายได้มีเส้นขีดระดับเป็นกติกาเอาไว้ว่า จะต้องมีรายได้เท่าไหร่ถึงจะเป็นคนจน เราต้องการดูแลให้เขาอยู่รอด มีอาหารการกิน ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นนโยบายประชานิยม ตนเพียงต้องการพุ่งเป้าไปให้เขาเพื่อใช้ทำอะไร ส่วนเขาจะใช้ทำอะไรถือเป็นสิทธิ์

“นายกฯ ไม่ใช่คนที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นคนช่างคิด คิดไปเรื่อยอะไรทำได้ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ก็ไม่ทำ แต่ถ้าหยุดคิดก็ทำอะไรไม่ได้ หรือคิดเฉพาะความขัดแย้ง คิดแต่จะไปสู้เขาอย่างไร มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมากับประเทศชาติ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวถึงการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชน ว่า ตนและรัฐบาลได้คิดออกมาถึงได้มีคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติขึ้นมา ไปดูการเข้าถึงที่ดินและการทับซ้อนของที่ดินของภาครัฐที่มีมากพอสมควร วันนี้คิดไปคิดมาที่ดินของประเทศไทยอาจจะลดลงก็ได้ เพราะซ้ำซ้อนกัน แต่ก็เพียงพอ เพราะมีคนอยากไปอยู่ต่างประเทศเยอะพอสมควร ที่ดินก็น่าจะพอ พูดไปเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก ตนชอบพูดหาเรื่อง แต่ไม่อยากไปตอบโต้ เพราะประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยดี

โดยเฉพาะการตอบรับการเข้าร่วมประชุมเอเปคก็เป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นผู้นำหลัก ที่เดินทางมามีเพียงบางประเทศที่ส่งผู้แทน เพราะสถานสถานการณ์ในประเทศมีปัญหา ซึ่งเชื่อว่าการประชุมเอเปคจะเป็นไปได้ด้วยดี เราต้องช่วยกันเป็นเจ้าภาพให้ดีที่สุด ฝากประชาชนช่วยกัน วันนี้เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่จะยืนอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างไร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสสุจริต และให้ความเป็นธรรมมากที่สุด ตลอดเวลาการทำงานที่ผ่านมามีการปรับแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ คนไทยเข้มแข็ง แข็งแรง เพียงแต่ความคิดยังแตกแยกกันอยู่ จะมีความพอใจหรือไม่พอใจกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ประเทศชาติถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจะต้องร่วมมือกันตรงนี้เพื่อแก้ไขปัญหาให้ได้ ปัญหาที่สำคัญคือ ความรักความสามัคคีของทุกคนในชาติ

“อย่าเอาผมไปโยง จะชอบผมหรือไม่ชอบผม เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้อยู่แล้ว แต่ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนอย่างไรอยู่ ก็ขอบคุณคนที่รักนะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพร้อมกับหัวเราะและระบุว่า วันนี้มีความสุข อาจจะพูดจาอะไรไม่เป็นทางการอยู่บ้าง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า เราต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวานก็พูดกับท่านทูตไป เพราะเรามีบริบทที่ต่างกันพอสมควร ประเทศไทยและหลายประเทศในตะวันตก และตะวันออก มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เรามีกฎหมายที่จำเป็นต้องคุ้มครอง ทุกประเทศมีกฎหมายที่ใกล้เคียงกัน

“การใช้อำนาจรัฐต้องมีการตรวจสอบ ผมยอมรับความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต แต่ถ้าพูดไม่มีข้อมูล ผมก็จำเป็นต้องชี้แจง บางทีมันก็ไม่ใช่เลย แต่ผมไม่อยากไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น ผมอยากจะฟังเสียงพี่น้องประชาชนในสิ่งที่เขาต้องการ ในสิ่งที่เป็นไปได้ และทำให้เขาให้ได้เพื่อจะแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม ซึ่งรัฐบาล เอกชน ภาคการเมือง มีบทบาทสำคัญที่จะสร้างความมั่นคงความก้าวหน้าให้กับประเทศชาติ” นายกฯ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ