ติดเหล้ามา 20 ปี! หนุ่มใหญ่ตัดสินใจหักดิบ ได้อาทิตย์เดียว จนเกิดอาการหลอน เดินไปเคาะบ้านกำนัน บอกมีคนวางยาน้อง ขโมยเงินหมื่น ก่อนกลายเป็นศพห้อยรั้วลวดหนาม
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 8 ก.ค.65 พ.ต.ท.วิชาญ บุญลือ สารวัตร (สอบสวน) สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่าพบผู้เสียชีวิตห้อยติดกับรั้วลวดหนาม ด้านหลังหมู่บ้านเอื้ออาทรสาขลา หมู่ 13 ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณรั้วลวดหนามด้านหลังของหมู่บ้านที่ติดกับป่าจากและคลองระบายน้ำ พบรั้วอยู่ในสภาพเอนเอียงเกือบพังลงไปริมคลอง พบร่าง นายสุเทพ พุทธรักษา อายุ 55 ปี เสียชีวิตในลักษณะห้อยอยู่กับรั้วลวดหนาม ศีรษะและมือทั้ง 2 ข้างห้อยลงดิน ขาทั้ง 2 ข้างถูกลวดหนามพันจนมีบาดแผลหลายแห่ง บริเวณรั้วพบเสื้อยืดคอกลมแขนยาวลายทางดำสลับขาวแขวนอยู่ ก่อนนำศพออกมา
จากการสอบถาม น.ส.บุศลินทร์ มะลิแย้ม กำนัน ต.แหลมฟ้าผ่า ทราบว่า ผู้ตายมีอาชีพช่วยครอบครัวทำปลาสดและขายปลาสดอยู่หน้าบ้านใกล้ที่ทำการกำนัน โดยปกติผู้ตายเป็นคนติดสุรามานานกว่า 20 ปี กระทั่งเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ผู้ตายได้หักดิบเลิกเหล้ามาได้ประมาณ 7 วัน จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.วานนี้ (7 ก.ค.) ผู้ตายเดินมาเคาะประตูบ้านตน พร้อมแจ้งว่าบ้านของตัวเองมีคนบุกขึ้นไป แล้ววางยาสลบน้องสาวและหยิบเงิน 10,000 บาทที่ขายปลาได้หลบหนีไป ตนจึงบอกว่าให้ไปเรียกน้องสาวซึ่งเป็นผู้เสียหายมาแจ้งกับกำนัน แต่ผู้ตายบอกว่าน้องสลบอยู่ให้ไปดูเอาเอง หลังจากนั้นผู้ตายก็เดินออกไปจากบ้านตน แล้วเลี้ยวเข้าไปในหมู่บ้านเอื้ออาทรที่อยู่เยื้องกัน
กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น.ของวันเดียวกัน นางนิภา มะลิแย้ม อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวผู้ตายพร้อมญาติพี่น้องรวม 5 คน มาแจ้งว่าผู้ตายหายตัวไป จึงออกตามหาแต่ไม่พบ กระทั่งเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้กลุ่มของ นางนิภา มาแจ้งตนว่าพบผู้ตายเสียชีวิตในสภาพห้อยกับรั้วลวดหนามของหมู่บ้าน จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
เบื้องต้นตำรวจสันนิฐานว่า ผู้ตายอาจหักดิบเลิกสุราจนเกิดอาการจิตหลอน คาดว่าน่าจะปีนรั้วลวดหนามเพื่อลงไปในคลอง แต่ด้วยรั้วที่มีสภาพเก่าและทนรับน้ำหนักผู้ตายไม่ไหว จึงได้เอนเอียงคล้ายจะล้ม ทำให้ผู้ตายเสียหลักเท้าทั้ง 2 ข้างเข้าไปพันกับลวดหนามจนตัวห้อยศีรษะทิ่มลงดิน และผู้ตายพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายเพื่อให้หลุดออกจากบริเวณดังกล่าวจนหมดแรงและชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นจึงส่งศพไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนประสานญาติมาติดต่อขอรับศพกลับไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป