ตำรวจน้ำตาตก หมดหนทางแล้ว โดนโกงซื้อรถบรรทุกสูญเงินเป็นแสน เครียดจนเส้นเลือดแตก แถมคู่กรณียังเย้ย บอกซิกแซกได้จนรอด อัยการสั่งไม่ฟ้อง
วันที่ 10 เม.ย. 66 ร.ต.ต.วิโรจน์ บุษพลาย อายุ 55 ปี ตำรวจสังกัด สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ป่วยด้วยโรคเส้นสมองแตก ได้ติดต่อร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าว หลังติดต่อขอซื้อรถบรรทุก 6 ล้อ มือสอง แต่ถูกเบี้ยวไม่ได้รถ ทั้งที่จ่ายเงินไปให้หมดแล้วกว่า 180,000 บาท ซึ่งเรื่องเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
ร.ต.ต.วิโรจน์ เปิดเผยว่า นอกจากจะมีอาชีพเป็นตำรวจแล้ว ยังทำธุรกิจเปิดขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์มือสองที่บ้าน ซึ่งก็จะหารับซื้อผ่านทางเฟซบุ๊กที่มีการโพสต์ประกาศขาย กระทั่งช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ตนเห็นเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ขายรถบรรทุก 6 ล้อ อีซูซุ ในราคา 200,000 บาท ซึ่งตอนแรก ตนเห็นสภาพรถตามในรูปที่เขาโพสต์ไว้ ก็รู้สึกสนใจ น่าจะเอามาขายต่อทำกำไรได้ จึงแชทติดต่อกันก่อนจะเดินทางไปดูสภาพรถคันจริงที่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ซึ่งบ้านของเจ้าของรถบรรทุก 6 ล้อดังกล่าว เขาเปิดเป็นร้านซ่อมและแต่งรถอยู่ที่นั่น
“ตอนแรกที่ผมไปเห็นสภาพรถคันจริง ผมนี่ปิ๊งเลยล่ะ แต่ราคา 2 แสน ผมก็มองว่ามันสูงไปหน่อย จึงต่อรองกัน จนทางเขายอมลดให้ เหลือ 1.8 แสนบาท ผมจึงรีบโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ จ่ายให้เขาเลยทันที แต่สุดท้ายมันก็เริ่มมีปัญหา เมื่อรถที่ผมจ่ายเงินให้เขาไปแล้ว ยังติดปัญหาเรื่องการโอนสิทธิ์ และทางเขาเป็นคนรับปากดูน่าเชื่อถือด้วยว่า เขาจะรีบไปทำเรื่องโอนที่ขนส่ง จ.สิงห์บุรีให้ ไม่น่าจะใช้เวลาหลายวัน ผมจึงไว้ใจทิ้งรถไว้กับเขาที่นั่น เพื่อให้ทำเรื่องโอนให้เสร็จเรียบร้อย แล้วจะเดินทางไปเอารถคืนอีกครั้ง” ร.ต.ต.วิโรจน์ กล่าว
ร.ต.ต.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนรอคอยวันแล้ววันเล่า แต่กลายเป็นว่า เวลาผ่านล่วงเลยไปจนวันที่ 4 เจ้าของรถก็ยังไม่ติดต่อกลับมาหา ตนรู้สึกใจคอไม่ดี จึงรีบโทรศัพท์ติดต่อกลับไป ปรากฏว่าเขาเริ่มบ่ายเบี่ยง แล้วอ้างว่ารถยังโอนเป็นชื่อของตนไม่ได้ เพราะทางขนส่งที่นั่นระบุว่า ต้องไปทำเรื่องโอนที่กรุงเทพเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
หลังจากติดต่อกลับไปแล้ว ทางนั้นก็เริ่มเงียบหาย ไลน์ไม่ตอบ แถมโทรศัพท์ก็ไม่รับ ตนทำงานตำรวจชุดสืบสวนมาโดยตลอด ไล่ปราบจับคนร้ายก็เยอะ ยังคิดไม่ถึงว่า เขาจะมากล้าโกงได้ และใจก็อยากจะไปหา ไปเจอตัวเขาถึงบ้านเลย แต่ก็ไม่อยากไป เพราะกลัวทางนั้นเขาจะหาว่าเอาหน้าที่การงานไปข่มเหงรังแกเขา จึงทนรอไปเรื่อย ๆ กระทั่ง ผ่านไปนาน 5 เดือน จึงไม่ทนอีกแล้ว เดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสิงห์บุรี ว่าถูกฉ้อโกงทรัพย์
เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าของรถบรรทุก 6 ล้อ ที่ถูกตนแจ้งความ ได้โทรศัพท์กลับมาหาตน และบอกว่าเขาถูกตำรวจจับในข้อหาฉ้อโกงตามที่ตนได้แจ้งความไว้ ซึ่งตนก็บอกเขาไปว่า เรื่องนี้ ถ้าทางเขายอมโอนเงินคืนมาให้ตั้งแต่แรก ก็คงจะไม่ถูกความจับ ซึ่งเขาก็ไม่ตอบอะไรต่อ แล้วจึงได้วางสายไป ตนจึงโทรศัพท์กลับไปสอบถามกับตำรวจเจ้าของคดี ก็ทราบว่า เขาไม่มีเงินจ่ายคืนให้ จึงถูกจับนอนคุกไป 1 คืนก่อนที่อีกวันนึง จะมีทนายมาทำเรื่องขอประกันตัวออก โดยใช้วงเงินประกัน 20,000 บาท
หลังจากนั้น ก็เกิดปรากฏการณ์แปลก ๆ ทางคดี เมื่อทางตำรวจนำเรื่องส่งฟ้องต่อไปยังอัยการ เขากลับถูกอัยการสั่งไม่ฟ้องซะอย่างนั้น และจนถึงตอนนี้ คดีขาดฟ้องไปแล้ว
“หลังจากที่เขาโดนจับติดคุก เขาได้ส่งข้อความไลน์มาหาผม ลักษณะข้อความที่เยาะเย้ย ว่า ทางเรื่องกฎหมายเขาไม่ถนัดหลอก แต่ไม่ต้องห่วง จะวิ่งซิกแซกไปให้รอด แล้วก็รอดจริง ๆ ด้วย จนกลายมาเป็นผม ที่ต้องเครียดอย่างหนัก เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตก เดินแทบไม่ได้ ต้องไปบำบัดรักษา ทำกายภาพมาจวบจนทุกวันนี้ แถมงาน ก็ไม่ได้ทำในตำแหน่งเดิม เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อม จึงถูกผู้บังคับบัญชา ย้ายงานไปช่วยในตำแหน่งอื่น ของสังกัด ภ.จว.นครสวรรค์ แทน” ร.ต.ต.วิโรจน์ กล่าว
ร.ต.ต.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนหมดหนทางแล้ว ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครต่อได้ แถมร่างกายก็แทบจะเดินไม่ไหว ต้องไปรักษาตัวอยู่เป็นระยะ ๆ ด้วย ส่วนตนมีเงินเดือนเพียง 20,000 บาท แม้จะไม่ได้ทำงานหนักขึ้น แต่ก็ต้องใช้เงินรักษาตัว ประกอบกับธุรกิจขายรถมือสองของตน ตอนนี้ซบเซาด้วย จึงทำให้เงินเก็บที่ตนมีเริ่มร่อยหลอลงไปทุกที ตนจึงอยากได้เงินที่ตนถูกโกงไปคืน เพื่อนำมาต่อทุนชีวิต จึงได้ติดต่อผู้สื่อข่าวหวังให้ช่วย นำเรื่องไปตีแผ่ และให้ทางคนที่โกงไป รู้สึกสำนึก เอาเงินมาคืนให้กับตนโดยเร็ว เพราะตนจำเป็นต้องใช้
อย่างไรก็ตาม ร.ต.ต.วิโรจน์ ยังทิ้งท้ายฝากไปถามถึงอัยการที่สั่งไม่ฟ้องด้วยว่า เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่หลักฐานครบชัดเจน ซึ่งตนก็เคยบุกไปถามอัยการท่านนั้นถึงสำนักงานมาทีนึงแล้วนะ แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ช่วงนั้น เขามีงานเยอะเลยหลายคดี และขอโอกาสแก้ตัว โดยให้ทางตำรวจไปทำสำนวนเพิ่มเติม แล้วส่งฟ้องมาใหม่ แต่สุดท้าย ขณะนี้ เรื่องดังกล่าวได้ขาดฟ้องไปแล้ว ตนก็มืดแปดด้าน ไม่รู้จะดำเนินการอะไรต่ออีก