ตาเลี้ยงไม่ไหว วอนช่วยน้องอ้วนหนัก 200 กก. ป่วยทางจิตถ้าไม่ได้กินจะอาละวาด

Home » ตาเลี้ยงไม่ไหว วอนช่วยน้องอ้วนหนัก 200 กก. ป่วยทางจิตถ้าไม่ได้กินจะอาละวาด



ตาเลี้ยงไม่ไหว วอนช่วยน้องอ้วนหนัก 200 กก. ป่วยทางจิตถ้าไม่ได้กินจะอาละวาด

วอนช่วยน้องอ้วนหนัก 200 กก. ป่วยทางจิต กินเก่งเกินปกติ ถ้าไม่ได้กินจะอาละวาด ยายเพิ่งเสียชีวิตเหลือตาเพียงคนเดียว

(22 เม.ย.64) นางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) ได้นำเรื่องราวของเด็กชายวัย 13 ปี ชาว ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ซึ่งพิการเป็นออทิสติก พูดไม่ได้ และมีน้ำหนักตัวกว่า 200 กิโลกรัม มาเปิดเผยบนเพจเฟซบุ๊กของมูลนิธิ กับเรื่องราวความลำบากของเด็กชายผู้นี้ ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากเจ้าตัวมีร่างกายอ้วนฉุ จนทำให้มีปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ประกอบกับ เด็กชายรายนี้ พักอาศัยอยู่กับตาวัยชราที่มีฐานะยากจน เพียง 2 คนด้วย จึงมีความเดือดร้อนอย่างหนัก และต้องการความช่วยเหลือ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น  

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านของเด็กชาย 200 กิโลกรัม รายนี้ คือ ด.ช.อ้วน วัย 13 ปี พบว่า เจ้าตัวพักอาศัยอยู่ภายในบ้านปูนชั้นเดียวกับ นายเฉลียว แจ่มประแดง อายุ 80 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นตา เพียง 2 คน เท่านั้น และพบว่า ส่วนใหญ่ ด.ช.อ้วน จะต้องมาใช้ชีวิตประจำวันในแบบเปลือยกายอยู่ในเพิ่งไม้เก่าบริเวณข้างบ้าน เพราะต้องให้ตาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก ด.ช.อ้วน ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทั่วไป โดยนอกจากเจ้าตัวจะป่วยพิการพูดไม่ได้ รวมถึงมีน้ำหนักตัวมากแล้ว เวลาจะนอนยังต้องใช้วิธีการนั่งหลับแทนด้วย เพราะหากนอนในท่าเหยียดตัวตรง จะทำให้มีปัญหากับระบบหายใจติดขัด อีกทั้ง การจะเดินเหินไปไหน ก็ไปได้ไม่ไกลมาก จะทำให้เหนื่อยง่าย จึงทำให้ ด.ช.อ้วน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเพิงไม้เป็นส่วนใหญ่ และคุณตาต้องคอยนำสายยางมาฉีดน้ำรดตัวให้ ด.ช.อ้วน อยู่บ่อยครั้ง เพราะเจ้าตัวมีอาการร้อนง่าย 

จากการสอบถาม นายบุญเลิศ ฉ่ำเสนาะ อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นตาเขย ของ ด.ช.อ้วน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาศัยอยู่บ้านใกล้กัน เล่าว่า ชีวิตของ ด.ช.อ้วน น่าสงสาร เพราะต้องกำพร้าแม่มาตั้งแต่วัย 3 ขวบ ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งสมอง ส่วนผู้เป็นพ่อก็ไปมีครอบครัวใหม่ จึงทำให้ ด.ช.อ้วน ต้องอยู่ในความดูแลของตายายมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่ง เริ่มเข้าสู่วัย 4 ขวบ ด.ช.อ้วน เริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว เพราะกินเยอะมาก โดยสมัยนั้นจะกินข้าวจานโตๆ 2 จานต่อ 1 มื้อ รวมถึง กินขนม และนมถึงวันละ 4-5 กล่องด้วย จึงทำให้ ด.ช.อ้วน มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็นผลมาจากตาและยายไม่สามารถขัดใจ ด.ช.อ้วนได้ เพราะหากไม่ตามใจให้ ด.ช.อ้วน ได้กินแบบนี้ในแต่ละวัน ก็จะออกอาการเอะอะโวยวาย และอาละวาดอยู่ตลอด จนกระทั่ง 3-4 ปีหลังสุด ด.ช.อ้วน กลายเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่า 200 กิโลกรัม และต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก 

นายบุญเลิศ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงที่ ด.ช.อ้วนเติบโตนั้น เจ้าตัวมีปัญหาทางจิต ตากับยายต้องคอยพา ด.ช.อ้วน ไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการทางจิตเวช โดยใช้สิทธิบัตรทอง และบัตรคนพิการ แต่ต่อมาในระยะหลัง ด.ช.อ้วน ไม่ยอมไปรักษาเพราะเขาไม่สามารถนั่งในรถได้ตามปกติ ต้องนั่งท้ายกระบะ จึงทำให้เดินทางลำบาก แต่ในส่วนที่ลำบากกว่านั้น คือ เรื่องโรคอ้วนเจ้าตัวยังไม่ได้รับการไปรักษาที่ไหน เพราะตายายยากจน มีอาชีพทำไร่ทำนา และรับจ้างทั่วไปเท่านั้น จึงทำให้ลุงของ ด.ช.อ้วน อีก 2 คน ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในการคอยหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของ ด.ช.อ้วนอีกทอดหนึ่ง แต่รายได้ก็ไม่แน่นอนอยู่ดี เพราะอาชีพรับจ้างก็ไม่มีงานทุกวัน 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา ยายของ ด.ช.อ้วน  คือนางสายทิ้ง ก็ต้องมาเสียชีวิตไปอีกคน เนื่องจากในช่วง 5 เดือนก่อน นางสายทิ้ง เกิดป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลหลายรอบจนมาเสียชีวิต จึงทำให้ขณะนี้ ตา และ ด.ช.อ้วน ได้เดือดร้อนหนัก เนื่องจากเงินไม่พอใช้จ่าย และต้องไปหยิบยืมญาติพี่น้องมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ จึงมองว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ตาของ ด.ช.อ้วนจะลำบากมากขึ้น เพราะปัจจุบัน ด.ช.อ้วน ก็ยังกินเก่ง และมีน้ำหนักตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าโรคจะรุมเร้าและเป็นอันตราย จึงได้มีการการนำเรื่องของ ด.ช.อ้วน ไปแจ้งกับมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ ในการนำตัว ด.ช.อ้วนไปรักษา 

นางปวีณา กล่าวว่า ด.ช.อ้วน น่าสงสารมากจึงต้องเร่งให้การช่วยเหลือ โดยจะประสานหาโรงพยาบาลที่ให้การช่วยเหลือ หรือหากโรงพยาบาลใดประสงค์จะช่วยเหลือโปรดแจ้งมายังมูลนิธิปวีณาฯ เบอร์โทร. 081-8901355 ,081-8140244 และ 098-4788991 มูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ เข้าช่วยเหลืออีกเช่นกัน

และขอเชิญชวนผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือน้องอ้วนสามารถประสานมายังมูลนิธิปวีณาฯ หรือบริจาคตรงเข้าบัญชี ชื่อ นายสำเริง แจ่มประแดง ธนาคารกรุงไทย สาขา สลกบาตร เลขบัญชี 627-0-50101-6 หรือติดต่อสอบถามโดยตรงมายังมูลนิธิปวีณาฯ ตามเบอร์โทรข้างต้น

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ