ตาขี่จยย.จากราชบุรี ไปเลือกตั้งที่ประจวบ สุดท้ายชื่อตกหล่น แถมหลงมาโผล่นนท์ พบขี่จยย.มาเป็นระยะทางร่วม 1000 กิโลมเมตร 2 วันข้าวไม่ได้กิน
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 15 พ.ค.2566 อาสาสมัครศูนย์ชาลีกรุงเทพ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบชายสูงวัยขี่รถ จยย.พลัดหลงมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาจอดรถพักในสภาพอ่อนเพลียอยู่ที่บริเวณส่วนงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ถนนแจ้งวัฒนะขาเข้า ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงเดินทางไปให้ความช่วยเหลือ
เมื่อไปจุดดังกล่าวเจ้าหน้าที่อาสาสมัครพบชายสูงวัยทราบต่อมาคือนายปกรณ์ วงศ์สุวรรณ์ อายุ 54 ปี ตรวจสอบบัตรประชาชนพบว่าเป็นชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับรถ จยย.ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กถ 1729 ประจวบคีรีขันธ์ จอดอยู่ ในขณะเดียวกันทางผู้แจ้งคือนายณัชพล บุญสา อายุ 30 ปี ได้ไปซื้อข้าวและน้ำมาให้นายปกรณ์ ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรยกินช่วงระหว่างที่เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ
นายปกรณ์ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาตั้งแต่เกิดและเพิ่งย้ายไปอยู่บ้านพี่สาวที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้ประมาณ 3 ปี จนกระทั่งเมื่อเช้าวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ตนได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกในเขตอำเภอปากท่อ ที่ตนย้ายมาอาศัยอยู่ได้ประมาณ 3 ปี แต่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งนำบัตรประชาชนของตนไปตรวจสอบดูแล้ว บอกว่าตนไม่มีรายชื่อผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในหน่วยแห่งนี้
ตนจึงคิดว่าสิทธิ์เลือกตั้งของตนอาจจะอยู่ที่หน่วยเลือกตั้ง อ.บางสะพาน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนด้วยความที่กลัวจะเสียสิทธิ์เลือกตั้งไป จึงตัดสินใจขี่รถ จยย.คู่ใจจาก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ไปยัง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปเลือกตั้ง แต่ตนก็ต้องผิดหวังอีกเพราะเมื่อไปถึงหน่วยเลือกตั้งในอำเภอบางสะพานแล้ว ทางเจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งก็ทำการตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้วก็ไม่พบรายชื่อของตนในบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอีก
ตนจึงได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งว่าในกรณีที่หารายชื่อของตนเองไม่เจอ ทั้งๆที่ตนตั้งใจเดินทางมาใช้สิทธิ์ แบบนี้ตนจะเสียสิทธิ์หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า ตนไม่เสียสิทธิ์เป็นความผิดของทางเจ้าหน้าที่เองที่อาจจะทำรายชื่อของตนตกหล่นไป จากนั้นตนจึงได้ขี่รถ จยย.ออกจาก อ.บางสะพาน ด้วยความผิดหวัง เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
แต่ตนขี่ไปขี่มายังไงก็ไม่รู้จนไปถึงเขตบางนา กรุงเทพ จากนั้นตนจึงพยายามหาทางขี่รถกลับบ้านต่อ จนกระทั่งมาถึงบริเวณห้าแยกปากเกร็ด จนเริ่มมืดแล้วด้วยความอ่อนเพลียและง่วงนอน ตนจึงตัดสินใจจอดรถ จยย.นอนพักในจุดนี้ ซึ่งตนไม่ได้กินข้าวมาแล้ว 2 วัน และน้ำมันรถก็ใกล้หมด เงินที่มีติดตัวมา 500 บาท ตนก็ใช้เติมน้ำมันไปจนหมดแล้ว จนกระทั่งมีคนมาเจอและเข้ามาสอบถามแล้วเขาก็ออกไปซื้อข้าวมาให้ตนกิน
ทางนายณัชพล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่งานก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู เปิดเผยว่า ตนเองได้รับแจ้งจากคนงานก่อสร้างว่าเห็นชายสูงวัยขี่รถ จยย.มาจอดอยู่ในจุดก่อสร้างรถไฟฟ้า ตนจึงเกรงว่า จะเป็นมิจฉาชีพเข้ามาก่อเหตุขโมยของ จึงได้เข้าไปตรวจสอบดู ก็พบว่าชายคนดังกล่าวกำลังนอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย
จากนั้นจึงพูดคุยกันก่อนจะทราบว่านายปกรณ์ได้ขี่รถ จยย.ออกจากบ้านที่ราชบุรีเพื่อไปเลือกตั้งที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เกิดขี่รถ จยย.พลัดหลงจนมาจอดรถพักนอนในจุดดังกล่าว ด้วยความเห็นใจตนจึงไปซื้อข้าวกับน้ำดื่มมาให้กินแล้วแจ้งขอความช่วยเหลือ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาพี่สาวของนายปกรณ์แล้ว ซึ่งทางพี่สาวของนายปกรณ์จะเดินทางมารับตัวนายปกรณ์กลับบ้านพักที่ราชบุรีในช่วงเช้าพรุ่งนี้ ทางอาสาสมัครจึงได้พานายปกรณ์ พร้อมรถ จยย.ไปพักผ่อนในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้เพื่อรอพี่สาวมารับตัวกลับ
ซึ่งจากการคำนวณระยะทางที่นายปกรณ์ชายสูงวัยรายนี้ขี่รถ จยย.ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี แล้วต่อไปยัง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนขี่หลงไปยังเขตบางนาและขี่กลับเข้ามาในอำเภอปากเกร็ด ระยะทางร่วม 1,000 กิโลเมตร