แน่นอนว่าด้วยเป้าหมายของการมุ่งสู่แชมป์ อาร์เซนอล จึงจำเป็นต้องเน้นทุกนัด แต่เกมนี้ควรถือว่า เชลซี เปิดทางให้แบบโรยกลีบกุหลาบ พร้อมนวดหลังสับไหล่ให้เป็นอย่างดี
ด้วยมาตรฐานการเล่นที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว เกมจนจบที่ชัยชนะของปืนใหญ่ 5-0 ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ เบน ไวต์ ควงคู่กันซัดสอง ส่วนอีกเม็ดเป็นของ เลอันโดร ทรอสซาร์
—————————————–
คะแนนนักเตะ อาร์เซนอล
ดาบิด รายา – 6
เอาเสื่อสาดมาปูนอนเล่น หรือที่จริงแจ้งเปลี่ยนตัวเองออกไปก่อนเลยยังไหว เมื่อบอลแทบทั้งหมดอยู่ในการครอบครองของ อาร์เซนอล จนนายทวารอย่าง รายา ไม่มีบทบาทอะไรทั้งสิ้น
ทาเคฮิโร โทมิยาสุ – 7
มีล้มเจ็บตอนต้นเกมแต่ยังสู้ต่อไหว และหาจังหวะดอดเข้าโขกเตะมุมเกือบเป็น 2-0 เหมือนกัน หลังจากนั้นเล่นแบบไม่กดดัน และไม่มีงานอะไรให้ต้องทำมากมาย
วิลเลียม ซาลิบา – 6
เป็นเกมที่ง่ายเกินคาด และง่ายที่สุดในช่วงหลายเกมหลัง เมื่อเกมรุกของ เชลซี วันนี้ ไม่มีอะไรมาท้าทายความสามารถเลย
กาเบรียล มากัลเญส – 7
เล่นด้วยแพสชันและแรงกระตุ้นสูง และมีจังหวะสำคัญอย่างการแท็ก มาดูเอเก ล้มไปแล้วไม่เสียฟาวล์ นำมาซึ่งประตูห่างสกอร์ 3-0
เบน ไวต์ – 9
ไม่ได้มีงานหนักให้ทำมากทั้งรุก-รับ จนโผล่ออกจออีกทีก็กลายเป็นคนบวกสกอร์ 2-0 จากลูกเตะมุมนาที 52 แต่ก็ต้องชมว่าปิดสกอร์ได้คมดี ที่สำคัญกับประตูที่ 2 ที่จริงดูว่าตั้งใจเปิดเข้าใน แต่กลายเป็นวอลเลย์เข้าเสาสองไปอย่างมีโชค
โธมัส ปาร์เตย์ – 6
อย่างที่ว่าคือ เชลซี ไม่ได้โอกาสเปิดเกมรุกอะไรเข้าใส่เลย มิดฟิลด์ตัวรับของ อาร์เซนอล อย่าง ปาร์เตย์ จึงไม่ได้ทำงานอะไรมากเช่นกัน แค่วิ่งไปวิ่งมา ตัดเกมบ้างบางครั้งก็มากพอแล้ว
ดีแคลน ไรซ์ – 8
เป็นขุมพลังขับเคลื่อนแดนกลางอย่างมีประสิทธิภาพ มีประโยชน์ทั้งรุก-รับ แอสซิสต์ให้ ทรอสซาร์ ซัลโวตั้งแต่ 4 นาทีแรก ต่อด้วยสับไกเองบนเส้นเขตโทษนาที 22 ข้ามคานนิดเดียว และต้นครึ่งหลังก็ได้ยิงไปติดเซฟหวุดหวิด
มาร์ติน โอเดการ์ด – 9
เป็นอีกเกมที่โดดเด่นได้มาตรฐาน โดยเฉพาะการเล่นเกมจ่ายบอลที่ทำให้แนวรับทีมเยือนต้องเจอปัญหาอยู่ตลอด กระทั่งเข้าเป้าจนได้กับประตู 3-0 ที่แทงให้ ฮาแวร์ตซ์ ทะลุเข้าปิดสกอร์ และตักให้ ไวต์ ยิงประตูที่สองของตัวเอง
เลอันโดร ทรอสซาร์ – 7
เรียกเสียงเฮให้กับทีมได้อย่างรวดเร็วในเพียงการสับไกหนแรก ยิงยัดผ่านช่องแคบที่เสาแรกซึ่ง เปโตรวิช ปิดไม่มิด อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นถือว่าเงียบๆไปสักนิด จนโดนถอดออก
ไค ฮาแวร์ตซ์ – 9
ใจกว้างเป็นแม่น้ำกับจังหวะนาทีที่ 10 ที่อยู่ในจุดอันตรายแล้วกลับเลือกส่งต่อจนโดนตัดทิ้ง และแม้ภาพรวมจะเป็นเกมที่ไม่ได้โอกาสสับไกเยอะนัก ก็ยังหาจังหวะทะลุเข้าซัดเสียบตาข่ายได้เป็นประตู 3-0 ตามด้วยไม่กี่นาทีให้หลังที่ได้ยิงง่ายๆ กระแทกเสาในเป็น 4-0 เรียกว่าใช้โควตายิงประตูทีมเก่าได้อย่างเจ็บแสบ
บูกาโย ซากา – 7
ไม่ใช่เกมที่เด่นเป็นพระเอก และไม่ได้จังหวะโชว์ลีลาอะไรมากมายนัก แต่ก็เล่นอย่างคุกคามสร้างอันตรายให้กับแนวรับ เชลซี อยู่ตลอด จนมาทำแอสซิสต์ได้ในประตู 4-0 ของ ฮาแวร์ตซ์
สำรอง
กาเบรียล เชซุส (แทน ไค ฮาแวร์ตซ์ น.72) – 5
มีจังหวะกระชากลากเลื้อยเล็กน้อย แต่เสียหน้านิดๆ เมื่อพาบอลไปล้มในเขตโทษ
กาเบรียล มาร์ติเนลลี (แทน เลอันโดร ทรอสซาร์ น.72) – 6
เกือบบวกสกอร์ให้ อาร์เซนอล ได้จากจังหวะเอียงตัวยิงตามถนัด แต่กิน เปโตรวิช ไม่ลง
จอร์จินโญ (แทน โธมัส ปาร์เตย์ น.73) – 6
ลงคุมเกมตรงกลาง เจอกับต้นสังกัดเก่า แต่ก็เป็นในช่วงที่สกอร์ขาดลอยไปแล้ว
โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก (แทน ทาเคฮิโร โทมิยาสุ น.73) – 6
ลงไปเพื่อทดแทน โทมิยาสุ ที่เริ่มหมดพลัง แต่ก็แทบไม่ได้สัมผัสบอล
ฟาบิโอ วิเอรา (แทน บูกาโย ซากา น.82) – 6
ลงไปเคาะสนิมตอนท้าย ไม่มีบทบาทอะไรมาก
—————————————–
คะแนนนักเตะ เชลซี
ยอร์เย เปโตรวิช – 5
เสียเร็วเกินเหตุในเพียงนาทีที่ 4 กับการยืนปิดมุมเสาแรกไม่อยู่ โดน ทรอสซาร์ ยิงยัดเข้าไป กระนั้นยังมีงัดช็อตเซฟดีๆ มาช่วยทีมไว้ได้ตอนต้นครึ่งหลัง จากลูกยิงของ ไรซ์ และ ฮาแวร์ตซ์ อย่างไรก็ตาม ไม่อาจช่วยอะไรได้แล้วกับลูกสองและลูกสาม เช่นเดียวกับลูก 4 ที่เป็นประตูโชคดวงของเจ้าถิ่น
มาร์ก กูกูเรยา – 4
ต้องเจองานหนักตลอดเวลาในการเผชิญหน้ากับ ซากา ที่ริมเส้นฝั่งตัวเองรับผิดชอบ แล้วเมื่อมากเข้าก็ปิดไม่อยู่ รวมถึงเบรกเกมบุกหลายๆครั้งของ อาร์เซนอล ไม่อยู่เช่นกัน
เบอนัวต์ บาเดียชิล – 2
ชื่อนี้มีการันตี ลงสนามเมื่อใดโดนยิงยับเมื่อนั้น เกมนี้เป็นอีกครั้งที่ต้องตั้งคำถามว่าลงไปทำไม และมีแค่ความสูงใหญ่เท่านั้นหรือที่เป็นคุณสมบัติ
อักเซล ดิซาซี – 3
เมื่อคู่ขาไม่เอาไหน ตัวยืนอย่าง ดิซาซี ก็หลุดมาตรฐานตามไปด้วย หลายประตูที่เสียไป เกิดจากการยืนตำแหน่งที่แย่มากของคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ
อัลฟี กิลคริสต์ – 4
ถูกส่งลงตัวจริงอย่างเซอร์ไพรส์ แล้วก็มีส่วนทำพลาดแต่เนิ่นๆ ด้วยการสับสนในการยืนตำแหน่ง กลายเป็นเปิดพื้นที่ให้ ทรอสซาร์ ได้กระทุ้งประตูขึ้นนำ 1-0 จากนั้นก็ไม่ได้ทำตัวให้มีประโยชน์เลย
มอยเซส ไคเซโด – 4
กับการปิดเกมของทั้ง โอเดการ์ด และ ไรซ์ ไม่อยู่ ก็แน่นอนว่ามิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ไคเซโด ต้องรับไปเต็มๆ นี่คืออีกเกมที่เล่นได้น่าผิดหวัง ไม่สมราคา
เอ็นโซ เฟร์นานเดซ – 4
เช่นกัน ไม่ได้ทำตัวให้มีประโยชน์เลยกับตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม แม้กระทั่งเกมจ่ายบอลที่ตัวเองถนัดก็ทำไม่ได้
มิไคโล มูดรีก – 3
ไม่ได้ทำอะไรในฐานะของปีกซ้าย นอกจากวิ่งไปวิ่งมาคุมเชิงคุมโซน เมื่อต้องถอยลงไปตั้งรับเสียเป็นส่วนมาก
คอเนอร์ กัลลาเกอร์ – 4
รับบทตัวปั้นเกมหลักแทน โคล พาลเมอร์ แต่ก็มีครึ่งแรกที่ค่อนข้างเงียบ แล้วเมื่อเริ่มครึ่งหลังก็แหย่เท้าสกัดลูกไปเข้าทาง ไวต์ บวกสกอร์ให้เจ้าถิ่นหนี 2-0
โนนี มาดูเอเก – 4
ได้โอกาสลงตัวจริงอีกครั้งเมื่อ โคล พาลเมอร์ ไม่พร้อมลงสนาม แต่ครึ่งแรกเล่นไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ ครึ่งหลังโชคร้ายเล็กน้อยที่การงัดกับ กาเบรียล แล้วไม่ได้ฟาวล์ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเสียประตูที่ 3
นิโคลัส แจ็กสัน – 3
เล่นคาบลูกคาบดอกย่ำใส่ข้อเท้า โทมิยาสุ อย่างน่าเกลียด แต่รอดตัวไม่โดนลงโทษไม่น่าเชื่อ จากนั้นเหมือนไม่มีตัวตน แล้วพอได้โอกาสจบก็พลาดไปตามระเบียบ
สำรอง
ราฮีม สเตอร์ลิง (แทน มิไคโล มูดรีก น.67) – 4
นอกจากไม่ได้ลงไปทำอันตรายแนวรับเจ้าถิ่นแล้ว ยังมีช็อตออกบอลอย่างประมาท จนเกือบเสียประตูเพิ่มเสียอีก
เทรโวห์ ชาโลบาห์ (แทน เอ็นโซ เฟร์นานเดซ น.67) – 5
ลงไปเพื่ออุดเกมหลังบ้านในช่วงท้าย แต่ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เห็น
ติอาโก ซิลวา (แทน อัลฟี กิลคริสต์ น.78) – 6
ลงไปเพื่อไม่ไห้ เชลซี ต้องขายหน้ากับการเสียประตูไปมากกว่านี้ ซึ่งที่จริงควรลงตั้งแต่ต้นมากกว่า
เซซาเร คาซาเดอี (แทน โนนี มาดูเอเก น.78) – 5
ลงไปแค่เพื่อให้ได้สัมผัสเกมใหญ่ คิดไปคิดมาก็น่าเสียดายที่โดนเรียกตัวกลับมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ กลางคัน