กมล ตันกิมหงษ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนตะกร้อชายทีมชาติไทย เผยถึงความเป็นไปได้ที่หลายชาติกำลังพัฒนาขึ้นมาสูสีกับไทย ว่า อยู่ที่อีเวนต์ ถ้าประเภท 4 คน 2 คน หรือทีมผสม บอกได้เลยว่า ทุกประเทศเขาถนัดแบบนี้มาก เขาเลยหนีจากเซปักตะกร้อ ไปเล่น 4 คน 2 คน หรือ ทีมผสม แต่ของเรา ดั้งเดิมเรา เป็น เซปักตะกร้อ ถ้วยพระราชทานฯของเราก็เซปักตะกร้อ เพราะฉะนั้นอีเวนต์ที่เพิ่งขึ้นมาใหม่ เราต้องตามเขาให้ได้ แต่อีเวนต์เดิมที่เรามีอยู่ก็ต้องรักษาไว้
“ถามว่าตอนนี้ไทยเหนือชั้นกว่ามากไหม ถ้าดูจากแต้มในซีเกมส์ ครั้งนี้ ต้องดูที่ใครมีความสมบูรณ์กว่ากัน เราเล่นกับเวียดนาม เรายังเสียเซ็ตเลย แล้วเสียด้วยความสามารถของเขาด้วย ไม่ได้เสียเพราะอะไรเลย จากนี้ถ้ามีแมตช์การแข่งขันมากขึ้น เชื่อว่าไม่ช้าหรอก ที่ชาติอื่นๆ จะตามไทยทัน สัก 5 ปี เขาน่าจะสูสีเรามากขึ้น เหมือนมวยไทย ถ้ามีเวทีแข่งขันมากขึ้น หลายๆชาติก็ตามเราทัน กลับไปเราก็ต้องเตรียมตัวฝึกซ้อมใหม่ โดยเฉพาะการสร้างเด็กรุ่นใหม่มารองรับไว้ไม่ให้ขาดตอน และให้มีนักกีฬาที่มากพอสำหรับอีเวนต์ที่เพิ่มมากขึ้น”
ด้าน “ปุ้ย” พรชัย เค้าแก้ว ที่ผ่านซีเกมส์ มา 10 สมัย และคว้าเหรียญทองแล้ว 18 เหรียญ เผยว่า ก่อนหน้านี้ตนบอกไปแล้วว่าซีเกมส์ ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของตัวเอง แต่หลังจากจบการแข่งขันทำให้รู้สึกว่ายังมีความสุข เวลาอยู่ในสนาม ยังรู้สึกมีความท้าทายเวลาเห็นน้องที่พัฒนาขึ้นมา ยังอยากเล่นกับน้องๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับร่างกาย เพราะเดิมทีก็ตั้งใจว่าอยากจะเล่น เอเชียนเกมส์ อีกสักครั้ง แต่ในเมื่อเอเชียนเกมส์ เลื่อนไปแล้ว ก็ยังอยากจะรักษาร่างกายเพื่อเอเชียนเกมส์ ซึ่งระหว่างนั้นอาจจะพ่วง ซีเกมส์ ที่กัมพูชา ได้อีกสมัย
พรชัย เผยถึงการพัฒนาของชาติอื่นๆด้วยว่า ตอนนี้ไม่เฉพาะมาเลเซีย แต่ เวียดนาม กับ อินโดนีเซีย ก็ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะตัวเตะแต่ละชาติ ทุกวันนี้ ไม่มีเตะเสียแล้ว ทำให้เราต้องมีสมาธิมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูฟอร์มอย่างต่อเนื่อง หากเขามีการบริหารที่ดี มี นักกีฬาก้าวขึ้นมาต่อเนื่อง ก็ถือว่าน่ากลัวเหมือนกันในอนาคต