เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 เวลา 21.00 น. หลังจากเหตุการณ์บ้านนางวิรัลพัชร วิจิตตปัญญารักษ์หรือ “เจ๊งิ้ม” โดนโจรยกเค้าบ้านทรัพย์สินหายมากว่า 40 ล้าน พ.ค.พ.ต.ต.ปัญญาพล ศรีเมฆ สว. (สอบสวน) สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุลักทรัพย์บ้านเลขที่ 6/9 หมู่ 5 ต.บ้านหม้อ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนสองชั้นหลังใหญ่ พาเจ้าหน้าที่ตรวจดูร่องรอยงัดแงะและทรัพย์สินภายในบ้าน
“เจ๊งิ้ม” เศรษฐีนีสายบุญ สุดช้ำ! ถูกโจรยกเค้า กวาดทรัพย์สินไปกว่า 40 ล้าน
ทรัพย์สินมากกว่า 40 ล้านหายไปจากที่เก็บ มีการงัดแงะและเปลี่ยนลูกกุญแจ โดยจากการสังเกตุของผู้เสียหาย พบว่าส่วนใหญคนร้ายน่าจะรู้ที่เก็บของมีค่าภายในบ้านมากพอสมควร ทำให้เรื่องราวในคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเพิ่มขอสงสัยอีกอย่าง
จากคำให้การของนางวิรัลพัชรหรือ “เจ๊งิ้ม” ให้การว่า “เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือคนในที่รู้พื้นที่ภายในบ้านและรู้พฤติกรรมคนในเป็นอย่างดี มีข้อสังเกตหลายประเด็น เช่น ประตูหลังบ้านที่คนร้ายเข้ามาเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ ต้องมีวิธีถึงจะเปิดประตูเข้ามาได้ง่าย พิรุธที่ 2 กล้องวงจรปิดแม้ว่าจะเสียมาเป็นปี คนร้ายทั่วไปไม่มีทางรู้ ไม่มีการตัดสายออกหรือปรับเปลี่ยนมุมกล้อง ส่วนเครื่องมือที่ใช้งัดทำลายแม่กุญแจเดิมก็น่าจะเป็นเครื่องมือช่างในบ้านแล้วนำแม่กุญแจใหม่มาใส่แทน และที่สำคัญคนร้ายไม่ได้รื้อค้นหรือสนใจทรัพย์สินอื่น เจาะจง 3 ลิ้นชักที่เก็บทรัพย์สินมีค่าเท่านั้น”
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบเรียกคนใกล้ชิดสอบปากคำเพิ่มเติม พบว่ามีบุคคลใกล้ชิดเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยประมาณ 17 คน ทั้งหมดล้วนเป็นพนักงานและแม่บ้านที่ทำงานในบริษัทเหมาก่อสร้าง มีหลายคนที่ผู้เสียหายไว้ใจให้เข้านอกออกในบริเวณบ้านได้
สำหรับบ้านหลังเกิดเหตุตรวจสอบพบว่าติดกล้องวงจรปิดไว้ถึง 16 ตัว แต่กล้องชำรุดมาประมาณ 1 ปีแล้ว ทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุได้ อีกทั้งละแวกใกล้เคียงยังไม่มีกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ต้องสงสัย 1 ใน 17 ราย ที่ถูกเรียกตัวมาสอบสวนขณะนี้ตำรวจเฝ้าประกบตัวไว้แล้ เนื่องจากเจ้าของบ้านเชื่อว่าน่าจะอยู่ในข่ายกระทำความผิดหรือมีส่วนรู้เห็นกับคนร้ายมากที่สุด