เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ นำโดย ร.ต.อ.เชาวลิต สบายสุข รองสารวัตรสืบสวน กก.2 บก.ทท.2 ลงพื้นที่ลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ แลนด์มาร์กท่องเที่ยวกลางเมืองเชียงใหม่ จับกุมกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารนกเป็นชาย 3 คน หญิง 5 คน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ทำประวัติอาชญากรรมและดำเนินคดีในข้อหา กระทำการก่อความเดือดร้อนรำคาญในที่สาธารณสถาน
การจับกุมมีขึ้นหลังจากตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ได้รับร้องเรียนพฤติกรรมของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าอาหารนกพิราบ บนลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพที่ทำตัวเป็นมาเฟียคุมพื้นที่ ข่มขู่นักท่องเที่ยวไม่ให้ถ่ายภาพกับฝูงนกพิราบ หากไม่ซื้ออาหารนก นักท่องเที่ยวบางคนยังถูกเรียกเก็บเงินคนละ 100 บาท แลกกับการเข้าไปถ่ายภาพในบนลานท่าแพ
โดยพฤติกรรมมาเฟียดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ได้เข้าไปตรวจตราป้องปรามและมีการดำเนินคดีเป็นประจำ แต่ก็ปรากฏว่ายังไม่หลาบจำ คนกลุ่มเดิมยังกลับมามีพฤติกรรมซ้ำซาก เนื่องจากมีรายได้มากจนยอมเสียค่าปรับเป็นเงินไม่กี่ร้อยบาท
- ผิดตรงไหน!? สาวออฟฟิศ แฉ เพื่อนร่วมงาน ความคิดป่วย แขวะแรงเพราะลาคลอด
- สุดอึ้ง! แม่ชีถวายรถหรู 7 ล้าน ให้หลวงตาสินทรัพย์ ชาวเน็ตแห่สาธุ
ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้จับกุมแม่ค้าหนึ่งราย พร้อมกับเปรียบเทียบปรับ แต่ก็ยังมีการร้องเรียนพฤติกรรมซ้ำซากเกิดขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งพฤติกรรมมาเฟียดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่
รายงานข่าวแจ้งว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำโดย พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีนโยบายปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย การกระทำความผิดในคดี 10 กลุ่มต้องห้าม, Overstay และความผิดอื่นๆ ที่มีผลการกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ
งานสืบสวน กก.2 บก.ทท.2 โดย พ.ต.ท.อวิรุทธ์ สุขแย้ม สารวัตรสืบสวน ได้เห็นถึงปัญหามาเฟียนกพิราบ ที่กลับมาอาละวาดสร้างความเดือดร้อนอีกครั้ง จึงได้บูรณาการกำลังร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ สถานีตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่ และ เทศกิจเชียงใหม่ วางแผนปิดล้อมลานข่วงประตูท่าแพ และสามารถจับกุมกลุ่มคนที่ขายอาหารนก และเรียกเงินนักท่องเที่ยว ได้ทั้งสิ้น 8 ราย โดยแจ้งข้อหา “กระทำการเดือดร้อนรำคาญผู้อื่นในที่สาธารณะ” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ซึ่งจากการขยายผลกลุ่มผู้ก่อเหตุ เป็นกลุ่มคนไร้บ้านและคนจรจัด จะรู้วงรอบช่วงเวลาในการออกตรวจของเจ้าหน้าที่ และพยายามหลีกเลี่ยง ทำให้ยากต่อการจับกุมและบังคับใช้กฎหมาย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งการปรับ ตักเตือน การทำประวัติ ผู้ก่อเหตุไว้แล้วทั้งหมด