แม่ถึงกับงง ลูกชายปั่นจักรยานล้มจนแขนหัก แต่หมอพูดประโยคเดียว จากร้องไห้ยิ้มได้ทันที รู้เบื้องลึก ทำชาวเน็ตทั้งขำทั้งเอ็นดู
เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า ที่ประเทศจีน เด็กชายคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุทำให้กระดูกข้อมือขวาหัก ตอนที่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเขาร้องไห้ไม่หยุด แต่ทันทีที่ได้ยินหมอสิ่งที่ต้องงดทำ 1 เดือน เขาก็หยุดร้องและยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนสีหน้าที่ไวเกินคาดทำให้ทั้งทีมแพทย์และพ่อแม่หัวเราะไม่ออกเลยทีเดียว
ตามรายงานระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดวันชาติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่มณฑลอันฮุย ประเทศจีน เด็กชายคนหนึ่งปั่นจักรยานแล้วล้มลง จนทำให้กระดูกข้อมือขวาหัก ความเจ็บปวดทำให้เขาร้องไห้อย่างหนัก พ่อแม่ของเด็กเห็นดังนั้นจึงรีบพาเขาไปโรงพยาบาลทันที
คุณสวี่ แม่ของเด็กชาย เล่าว่า ลูกชายร้องไห้ตลอดทางและไม่ยอมให้หมอตรวจ จนกระทั่งเขาได้ยินหมอบอกว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างร้ายแรงนะ 1 เดือนนี้ไม่ต้องทำการบ้านแล้ว” ทันใดนั้นอารมณ์ของเด็กชายก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากการร้องไห้ไม่หยุดกลายเป็นยิ้มอย่างมีความสุข
คุณแม่ของเด็กชาย กล่าวว่า ตอนแรกเธอคิดว่าลูกชายยิ้มเพราะอาการเจ็บปวดบรรเทาลง แต่กลับกลายเป็นว่า รอยยิ้มของเขายิ่งสดใสมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเข้าใจว่าที่เขายิ้มก็เพราะรู้ว่าไม่ต้องทำการบ้าน เป็นความดีใจที่เปี่ยมล้น เหมือนกับว่าโชคดีที่ได้ “หยุดยาวพิเศษ” จากการจักรยานล้มครั้งนี้
จากภาพจะเห็นว่า เด็กชายคนนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ มือซ้ายของเขาประคองมือขวาที่บาดเจ็บไว้ตลอดเวลา ขณะที่คุณหมอกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่เด็กชายก็ยังไม่สามารถปิดบังรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าได้ ถึงกับยิ้มร่าออกมา และบางครั้งก็ก้มหน้าลงเหมือนเขินอายที่จะแสดงความดีใจออกมาให้คนอื่นเห็น
ขณะที่เขาออกจากห้องตรวจ แม้มือขวาจะต้องเข้าเฝือก แต่ก็ยังยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ “เย่” ถ่ายรูปกับกล้อง ความรู้สึกตื่นเต้นของเขาส่งผ่านทะลุจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน
หลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตก็พากันพูดถึงเรื่องนี้อย่างคึกคัก โดยชาวเน็ตหลายคนพากันเข้ามาแซว อาทิ “ยิ้มจนหุบไม่อยู่เลย ฮ่าฮ่า” “เด็กช่างไร้เดียงสา แค่รู้ว่าไม่ต้องทำการบ้านก็ยิ้มออกแล้ว” “แขนหักกลายเป็นโชคดีของเขา” “ถ้าใกล้ถึงสอบปลายภาค คงจะหัวเราะออกมาดัง ๆ แน่” และ “นี่ไม่ใช่การหัวเราะแบบงง ๆ แต่มาจากใจจริง ๆ”
ชาวเน็ตบางคนก็ยอมรับตรง ๆ ว่า “ถ้ามีใครบอกฉันว่าไม่ต้องทำงาน ฉันก็คงจะหัวเราะเหมือนกัน” แต่ชาวเน็ตบางคนก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความกดดันทางการเรียนของเด็ก ๆ ว่า “นี่เป็นความเศร้าของการศึกษา”
แต่ชาวเน็ตบางคนก็เตือนเด็กชายว่าอย่าเพิ่งดีใจเกินไปนัก อาทิ “อย่าร้องไห้ตอนต้องตามเก็บการบ้านที่ค้างไว้นะ” หรือ “ตอนฉันเรียนประถม ฉันเป็นโรคอีสุกอีใส ลาป่วยไปเรียนไม่ได้ แต่เพื่อน ๆ ยังเสี่ยงมาหาฉัน พร้อมนำการบ้านมาให้ทำด้วย” อีกคนแนะนำว่า “ยังท่องหนังสือกับอ่านหนังสือได้นะ” และ “โจทย์คณิตศาสตร์ทำได้ไม่สะดุด เขาคิดเลข ส่วนคนในครอบครัวก็เขียนให้” บางคนยังเล่าว่า “ตอนฉันเด็ก ๆ ข้อศอกหลุด แต่ก็ยังต้องใช้มือซ้ายเขียนการบ้าน ไม่เขียนก็โดนตี” บ้างก็แซวว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะฝึกเขียนด้วยมืออีกข้าง” พร้อมอวยพรว่า “ขอให้เขาหายดีและกลับไปโรงเรียนได้เร็ว ๆ”