ศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก “สนธิญาณ” 1 ปี คดีขัดขวางการเลือกตั้งเขตดุสิต ให้การเป็นประโยชน์ลดเหลือ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ข้อหาอื่นยกฟ้อง ส่วนจำเลยอีก 3 คน ศาลยกฟ้อง
วันนี้ (20 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส. นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร อดีต ส.ส.กทม. พรรค ประชาธิปัตย์ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปช.) และ นายเสรี วงศ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดี กปปส. สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557, อ.1328/2557
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.40 น. ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำคุก “สนธิญาณ” ไม่รอลงอาญา 1 ปี ฐานขัดขวางการเลือกตั้งเขตดุสิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุก 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ข้อหาอื่นยกฟ้อง จำเลย 2-4 ไม่ปรากฏร่วมก่อเหตุ ตัดสินยกฟ้อง ขณะนี้ทนายความกำลังอยู่ระหว่างการยื่นประกันตัวต่อศาลฎีกา
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่หนึ่งได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. กรณีร่วมกับนายสำราญ รอดเพชร ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่โรงเรียนสุโขทัย เขตดุสิต ให้จำคุก 1 ปี คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2-4 โจทก์ไม่ได้ร่วมนำสืบว่าได้ร่วมพยานหลักฐานไปขัดขวางการเลือกตั้ง อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าจำเลยที่ 2-4 ร่วมขัดขวางการเลือกตั้ง ส่วนอุทธรณ์โจทก์ข้ออื่นไม่เป็นสาระสำคัญ ที่แก้เฉพาะจำเลยที่ 1 นอกนั้นให้เป็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
สำหรับคดีดังกล่าวนั้น พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 59 ปี แกนนำ กปปส., นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 44 ปี อดีต ส.ส.กทม., นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 70 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปช.) และ นายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 72 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, เจ้าพนักงานสั่งให้เลิกการกระทำนั้นแต่ไม่เลิก, ยุยงให้ร่วมกันหยุดงาน การร่วมกันปิดงานงดจ้างเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 รวม 8 ข้อหา
โดยคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส. ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 56 – 1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง โดยท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี
ขณะที่จำเลยทั้ง 4 รายให้การปฏิเสธทุกข้อหาพร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้ง 4 คนก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562
คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค. 62 พิพากษายกฟ้อง โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่อัยการโจทก์นำสืบมารับฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้ง 4 รายได้เข้าร่วมชุมนุมกับก ปปส. แต่ไม่ได้เป็นแกนนำที่สั่งการผู้ชุมนุมหรือขึ้นปราศรัยสั่งการให้กระทำการรุนแรง โดยการชุมนุมของ กปปส. ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำวินิจฉัยที่ 59/2556 ว่าการชุมนุมของ กปปส. สืบเนื่องมาจากการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 63 ซึ่งสืบเนื่องจากเหตุที่คัดค้านการออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมและไม่พอใจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ได้กระทำความผิดตามฟ้องทั้ง 8 ข้อหา จึงพิพากษายกฟ้อง
โดยวันนี้ จำเลยทั้ง 4 คน เดินทางมาศาลพร้อมด้วยแกนนำ กปปส. หลายคน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. นายถาวร เสนเนียม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่เดินทางมาให้กำลังใจ
ขณะที่ นายสุเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ก็เดินทางมาให้กำลังใจกับจำเลยทั้ง 4 คน และก็พร้อมน้อมรับตามคำพิพากษาของศาล แม้ว่าจะเป็นศาลใดก็ตามก็เชื่อว่ามีการตัดสินไปตามหลักของกระบวนการยุติธรรม ส่วนในคดีกบฏ สำนวนของตัวเองนั้นก็เตรียมยื่นอุทธรณ์คดีในเดือน พ.ย.นี้