ดีแผ่วงการโสเภณีไทยไปตลาดโลก หลอกขายตัวมีจริงหรือ

Home » ดีแผ่วงการโสเภณีไทยไปตลาดโลก หลอกขายตัวมีจริงหรือ
ดีแผ่วงการโสเภณีไทยไปตลาดโลก หลอกขายตัวมีจริงหรือ

การถูก “หลอกไปขายตัว” ในต่างประเทศเป็นประเด็นข่าวที่มีการรายงานมาเป็นระยะ ท่ามกลางข้อสงสัยที่มาขึ้นเรื่อยๆ ว่า กระบวนการค้ามนุษย์ยังมีอยู่มากและโหดร้ายมาเสมอ หรือที่จริงแล้วการถูกหลอกขายตัวนั้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้มีใครก็ได้พากลับประเทศ หลังจากเผชิญเงื่อนไขการทำงานที่ไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้

คุณหนิง-ธนัดดา สว่างเดือน เจ้าของเพจ ฉันคือ เอรี่ ที่มีประสบการณ์การทำงานในต่างแดน ให้เกียรติ sanook.com มาช่วยให้ความกระจ่างเรื่องนี้ว่าตกลงแล้วการถูกหลอกไปขายตัวยังคงมีจริงหรือไม่ และการไปทำงานในต่างประเทศได้เงินเป็นกอบเป็นกำอย่างที่ได้ยินมามากน้อยเพียงใด

หลอกขายตัวมีจริงหรือ

“ไม่มีใครโดนหลอกค่ะ”

“คือเราต้องบอกว่าส่วนใหญ่เราจะเห็นตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับผู้หญิงไทยถูกหลอกไปขายบริการ มันจะมีแถบเดียวเท่านั้นคือแถบอาหรับใช่ไหมคะ ซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นประเทศอื่นๆ จริงๆ แล้วอาชีพขายบริการมีทุกประเทศทั่วโลก แต่เราจะไม่เห็นประเทศอื่น ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน ดังนั้นต้องสนใจแล้วนะคะว่าทำไมถึงมีเฉพาะดินแดนอาหรับ”

“การทำงานในอาหรับและประเทศอื่นมีความแตกต่างกันนะคะ ผู้หญิงบ้านเขาจะไม่ได้มาเดินเพ่นพ่านตามข้างถนนนะคะ และก็วัฒนธรรมมันต่างกัน เขาจะเคร่งครัดทางศาสนา และกฎหมายเขาก็รุนแรง พอไปถึงนู่นปุ๊บ ผู้หญิงจะถูกจับยัดเข้าไปในตึก เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะไปเดินเพ่นพ่านหรือทำงานเหมือนฮ่องกง สิงคโปร์ หรือญี่ปุ่น เป็นอิสรเสรี พอไปถึงถูกจับยัดเข้าตึก เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอิสระละ เขาก็เลยเหมือนกับถูกบังคับให้ทำงานอยู่ในนั้น อันนั้นคือมันเป็นกฎกติกาที่ทางแม่แท็ก หรือเอเยนต์ ที่ไปบอกเนี่ย เขาไม่ได้บอกให้รู้ล่วงหน้า เขาแค่บอกอย่างเดียวว่าเป็นงานสบาย ได้เงินง่าย ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็รู้แค่นี้ แต่พอถึงนู่นแล้วทำงานไม่ได้ อยู่ในระบบแบบนั้นไม่ได้”

“ที่สำคัญคือเรื่องการมีเซ็กซ์อะค่ะ คือ มีเพศสัมพันธ์ด้านหลัง ผู้หญิงไทยไปถึงนู่นไม่รู้มาก่อนละก็ทำไม่ได้แบบนี้ เขาไม่ได้มาบอกเราล่วงหน้านะ ว่าฉันจะเอาเธอข้างหลังแล้วนะ ไม่นะ บางทีเราน่ะทำงานอยู่มันเสียบเลยนะ เผลอๆ เนี่ย แล้วผู้หญิงไทยส่วนใหญ่โดนแบบนี้เยอะมาก พอรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ได้ รับไม่ได้ ตัวเองก็จะอยู่ไม่ได้ละ ต้องหาทางกลับ วิธีการกลับของผู้หญิงเหล่านี้ก็คือฉันถูกหลอกมาขายบริการ แต่จริงๆ แล้วเนี่ย ทุกคนน่ะ รู้อยู่แล้วว่าไปแล้วต้องไปเจออะไรบ้าง รู้อยู่แหละว่าไปขายตัว แต่เมื่อไปถึงอยู่ไม่ได้ ทำยังไงก็ได้ พูดยังไงก็ได้ เพื่อให้มีคนมาส่งเรากลับเมืองไทยหรือเข้ามาช่วยเหลือเรา”

“คุณต้องมีข้อมูล คุณต้องรู้ว่าไปที่ประเทศนี้ อยู่ยังไง เพียงแต่เขาไปแล้ว เขาไปเจอหน้างานแล้วเขาทำไม่ได้ เขาก็เลยอยากจะกลับค่ะ”

ทำไมต้องไปทำงานเมืองนอก

“เพราะว่าต่างประเทศรายได้มันมากกว่าค่ะ อย่างเราทุกวันนี้ ผู้หญิงไทยเรามาหาเงินสุขุมวิทเยอะแยะเลย ยืนเรียกแขกข้างถนน 500 – 1,000 ก็ไปกันแล้ว แต่พวกนี้นะคะ เวลาเขาไปอยู่ต่างประเทศนะคะ ค่าตัว 3,000 – 4,000 นะคะ อันนั้นคือเขาบอกเล่ามาว่าอย่างนั้น”

“แต่เมื่อไปจริงๆ แล้วเนี่ย ก็คือไอ้รุ่นที่พี่หนิงไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันยังไม่มีขายตัวทางเว็บไซต์ แต่เดี๋ยวนี้เขาเอาเด็กเข้าห้องปุ๊บ เด็กก็แชทเรียกแขกมา ฮึ้ย! ใครดัมป์ราคาถูกที่สุด คนนั้นก็จะได้ค่ารอบมากขึ้น อย่างน้อยรอบละ 500 หรือการไปอยู่เมืองนอกค่ะ รายได้มันดีกว่าอยู่เมืองไทยใช่ไหมคะ บางคนอาจจะแบบ สภาพความเป็นอยู่ดีกว่า อะไรๆ มันดีกว่า เขาก็เลยเลือกที่จะไปต่างประเทศ มันเห็นเงินไวกว่า แต่ความเสี่ยงมีมากกว่าอยู่เมืองไทยเยอะมากเลยค่ะ”

คนทำงานเมืองนอกต้องเจออะไรบ้าง

“อันดับแรก คุณเป็นเด็กแท็ก (ติดสัญญา) คุณเลือกงานไม่ได้ คุณเลือกแขกไม่ได้ แม่แท็กจับยัดอะไรมา คุณต้องเอา อย่างพี่หนิงไปอยู่ญี่ปุ่นน่ะ เขาเอายากูซ่ามา เราไม่รู้ยากูซ่าเป็นไงใช่ไหม เราก็ต้องรับ เพราะเราเป็นเด็กแท็ก เราจะไปเลือกแขกหน้าตาหล่อๆ หรือดีๆ ไม่ได้ การที่เราทำงานกับพวกยากูซ่า อันนี้ขอข้ามไปนิดนึงนะคะ มันเป็นอะไรที่ว่าเราไม่สามารถเลือกแขกได้ โดนตบ โดนตี โดนทำร้ายอยู่อย่างนั้น อันนี้คือไปกับพวกมาเฟีย”

“พี่หนิงบอกว่า อึ๊ย! ฉันไม่รับอาหรับนะ แต่ว่าเมื่อไปถึงนู่นแล้ว ในขณะที่เรากำลังใช้หนี้อยู่อะ เราจะต้องไปกับพวกอาหรับ เขายัดอะไรมาก็ต้องทำ ไม่ว่าจะแก่ แขกจะขี้เมา แขกเป็นนักเลง แขกอะไร ต้องเอา ถ้าเราไม่รับ เราไม่ทำ เราก็จะมีปัญหากับแม่แท็ก เนี่ยค่ะ แล้วก็สภาพแขก ทุกรูปแบบ ซาดิสต์ วิตถาร ดิบเถื่อน มีหมด”

“มันจะมีงานแบบใส่สูท ผูกเนกไท แต่งตัวดูดี พอขึ้นไปข้างบนเนี่ย เขาจะต้องแบบโซ่ แส้ กุญแจมือ บางคนแบบ… คือเราไม่สามารถดูได้จากสภาพภายนอกเลยว่าแขกลักษณะอย่างนี้จะเป็นยังไง แขกมาออฟพี่หนิง อู้หู! ขับรถเฟอร์รารีมาอย่างนี้นะคะ แล้วก็แต่งตัวหล่อมา ใส่สูท ผูกเนกไท พอไปถึงห้องปุ๊บ แล้วไปเจออีก 3 คนรออยู่อย่างนี้ รู้ตัวว่าจะถูกรุมโทรมแน่ๆ เราทำไงดี เราต้องมีวิธีเอาตัวรอด ว่าทำยังไงที่เราจะออกจากห้องนี้โดยมีชีวิตรอดออกมา”

“เราก็เลยบอกตั้งสติ แล้วบอก ‘เฮ้ย! กูขอมาคนละ 1 ได้มั้ย’ คือเข้ามาทีละคนๆๆ พี่หนิงยอมแล้วชั่วโมงนั้น ทำยังไงก็ได้ขอให้เรามีชีวิตรอดออกไป ในการทำงานของ Sex Worker มันไม่ได้สบายนะ ไม่ใช่ว่าขึ้นเตียงแล้วได้เงินเลย บางทีเข้าห้องไปเจอแขกเล่นยา”

“พี่หนิงโดนแขกฉีดผง หมดสภาพเกือบตายกลับมา ดีที่ว่าเราไม่ตาย มีตำรวจมาช่วยเรานะคะ คุณคิดจะทำอาชีพนี้ คุณก็ต้องรับให้ได้ทุกอย่าง ถ้าคิดว่ารับไม่ได้หรือว่าเจอเงื่อนไขนู่นนี่ ทำไม่ได้ คุณไม่ต้องไปขายตัวเลย ทำอาชีพอื่น”

อยากให้ขายตัวถูกกฎหมายไหม

“จริงๆ พวกเราไม่ได้อยากจะให้มันถูกหรือผิด ก็อยู่กันแบบนี้ อยู่กันไปเรื่อยๆ ทำไป ไม่มีใครอยากเข้าระบบหรอกค่ะ ทำไมถึงมีโสเภณีฟรีแลนซ์ออกมาเรียกแขกตามข้างถนน ไปจับแขกตามดิสโกเธค ผับ บาร์ เพราะผู้หญิงพวกนี้เวลาเรียกค่าตัว ดีลกับแขก 3,000 ถึงตัวเขาเลย 3,000 แต่ถ้าเราไปอยู่ในบาร์ ในร้าน ในอาบอบนวด สถานประกอบการ เขาเก็บแขก 2,000 บาท ถึงตัวเรา 1,500 หรืออาจ 1,000 เด็กเหล่านี้จึงไม่ต้องการที่จะอยู่ในสถานประกอบการ มันก็จะลุกลามไปทั่ว โดยเฉพาะทางโซเชียล ขายตัวทางเฟซบุ๊ก ทางออนไลน์ มีเยอะ เพราะดีลเอง ได้ตังค์เอง จบ”

“คือคุณก็แค่จับผู้หญิงมาลงทะเบียน ต้องถามตัวผู้หญิงที่เป็นโสเภณีด้วยว่าเขาพร้อมที่จะลงทะเบียนหรือเปล่า เขายินยอมยินดีหรือเปล่า ดังนั้นมันมีอะไรหลายอย่างที่ไม่สามารถที่จะทำให้มันถูกกฎหมายได้ ถ้ามันถูกกฎหมายขึ้นมา ระบบส่วย ใต้โต๊ะ อาจจะไม่มีนะ ถูกไหมคะ แต่ถ้ามันอยู่อย่างนี้ มันก็มีบ้าง เราก็รู้ๆ กันน่ะ สังคมไทยว่าเป็นยังไงใช่ปะ”

“แต่จริงๆ แล้วผู้หญิงเหล่านี้ เขาไม่ได้สนใจเรื่องภาษีหรือไม่ได้เสียภาษี เขาแค่ไม่ต้องการบอกประกาศให้ใครหรือไม่ให้ใครมาตีตราว่าเขาคือโสเภณี แล้วก็พวกนี้ เวลาพวกเขาป่วย เจ็บไข้ได้ป่วยทำงานเนี่ย ทำงานแล้ว อาจจะตรวจภายใน หรือเป็นโรค หรือเป็นอะไร หรือเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็แล้วแต่ เขาไม่ได้มาใช้สิทธิ์ 30 บาทด้วย เพราะอาชีพนี้มันได้เงินดี ได้เงินมาก เขาก็เข้าโรงพยาบาลเอกชน ไปตามคลินิกอะไรก็ได้ที่มันเอื้ออำนวยความสะดวกสบายให้เขาได้เร็วที่สุดนะคะ”

“ก็อย่างที่บอกว่า คุณต้องไปถามเจ้าตัวที่เขาขายก่อนว่าเขาอยากจะลงทะเบียนมั้ย เขาไม่ได้สนใจเรื่องเสียภาษีนะ เขาแค่ไม่ต้องการถูกตีตราให้เป็นโสเภณี มีนักศึกษาที่เขาทำงานอยู่แล้วเขาเรียนไปด้วย แล้วก็แอบไปขายตัวด้วย ถ้าวันหนึ่งเขาเรียนจบมา เขาก็อยากจะไปทำงานที่มันถูกต้องตามกฎหมายดีๆ อย่างที่เขาเรียนมา แต่เขาจะยอมเหรอ เขาเป็นนักศึกษาแล้วเขาต้องไปลงทะเบียนเป็นโสเภณีด้วย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ถูกไหมคะ”

“ถ้าแก้ แก้อีกเยอะ แก้ไปถึงต้นตอ แก้ไปถึงว่าคุณปล่อยผู้หญิงไทยเดินทางไปต่างประเทศได้ยังไง”

Sex Worker จะเท่าเทียมกับอาชีพอื่น ได้หรือไม่

“คำว่า Sex Worker โสเภณี กะหรี่ คือคำเดียวกันหมดเลยนะคะ คำที่มันแรงที่สุดก็คือกะหรี่หรือโสเภณี ถ้าเขารู้ปุ๊บเนี่ย เราจะถูกบุลลี่ทันที สังคมไทยไม่สามารถที่จะบังคับคนได้ว่า เฮ้ย! มึงอย่าไปเหยียบย่ำคนนู้นคนนี้คนนั้น มันอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคนนะคะ”

“สังคมไทยเราบอกไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับ แต่ในขณะเดียวกันประเทศไทยเรามีโสเภณีเยอะที่สุด คุณรู้ไหม ทุกประเทศทั่วโลก ประเทศไทยเป็นโสเภณีนัมเบอร์วันนะคะ”

“เราจะบังคับคนน่ะ ว่าอย่าไปดูถูกเขา มันไม่ได้ค่ะ อย่างบางทีพี่หนิงมีคนหลายคนเข้ามา เฮ้ย! ฉันไม่รังเกียจเลย เท่ากันเลยไม่ว่าคุณเป็นกะหรี่ โสเภณี เป็นหมอ เป็นแพทย์อะไร ทุกคนเท่าเทียมกันหมด แต่ในความเป็นจริงมันไม่เท่ากัน คนที่เป็นหมอ แพทย์ พยาบาล บริษัท ออฟฟิศ ต่างๆ ทำงานราชการเนี่ย เขาก็ไม่โอเคกับเราอยู่แล้ว มึงทำงานอะไรก็ไม่รู้ ขายตัวอะไรอย่างนี้ใช่ไหม”

“คืออยู่ที่คนๆ นั้นมากกว่า มันไม่ใช่แต่คนไทยนะคะ พี่หนิงคิดว่าทุกประเทศทั่วโลก มันจะมีบางกลุ่มที่เขาไม่โอเคกับอาชีพแบบนี้ และถ้าเกิดว่าเขารู้ว่าขายตัว เขาก็ไม่ได้อยากจะคบค้าสมาคมด้วย เขาก็อาจจะไม่พูด ไม่แสดงออกมา นั่นคือการไม่บุลลี่กันนะคะ แต่ประเทศไทยเรา เฮ้ย! อีนี่เป็นกะหรี่โว้ย อีนี่มันขายตัวนะ ไม่ดีนะ เราถูกบุลลี่แล้ว เราห้ามเขาได้เหรอ มันห้ามไม่ได้อะค่ะ คือ ประเทศไทยเรายอมรับแต่สิ่งสวยงาม เป็นนักแสดง เป็นอะไร ต้องหน้าตาสวย เป็นดาราต้องมีคนคลั่ง มีแต่คนต้องการที่จะ… อวยให้กับคนที่หน้าตาดีๆ หรือคนทำงานดีๆ อะไรแบบนี้ สังคมไทยมันเป็นแบบนี้อะค่ะ”

“คือต้องบอกว่าสังคมไทยมันถูกแบ่งกันหลายชั้นมากเลยนะ เยอะแยะมาก พวกโสเภณีต่างๆ ทำไมเขาถึงต้องหิ้วแบรนด์เนม ต้องหิ้วกระเป๋า ก็ต้องมีของ เพราะเขาไม่อยากถูกบุลลี่ เพราะเขาต้องการได้การยอมรับ เขาจึงต้องทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้ตัวเองเท่าเทียมกับคนอื่นๆ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกบุลลี่ ไม่ถูกเหยียดหยาม ไม่ถูกเหยียบย่ำ สังคมไทยเป็นสังคมที่ดูถูกกันเองค่ะ มันแก้ไม่ได้นะ มันเป็นมานานแล้วแบบนี้”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ