ราชบุรี ปรับขึ้นน้ำมันดีเซล ลามกระทบแม่ค้าผักส่งภาคใต้ ซ้ำเติมธุรกิจขนส่งสินค้าเกษตร อยากให้ภาครัฐหาช่วยแก้ปัญกาน้ำมันพุ่งสูง ทำประเทศไทยเสียโอกาสทางการค้า รวมไปถึงผู้บริโภคภาคใต้
2 พ.ค. 65 – ภายหลังคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีมติเห็นชอบแนวทางการปรับราคาน้ำมันดีเซล แบบขั้นบันไดครั้งละไม่เกิน 1 บาทต่อลิตร สูงสุดไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร เริ่มมีผล วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตลาดศรีเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี ตลาดค้าส่งพืชผักและผลไม้ ซึ่งแต่ละวันจะมีสินค้าการเกษตรเข้ามายังตลาดแห่งนี้มากถึง 700 ตัน ก่อนจะกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย
น.ส.พรเพ็ญ ธรรมรักษ์เจริญ หนึ่งในผู้ประกอบการขนส่งสินค้าเกษตรไปยังพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่า ร้านประกอบธุรกิจส่งสินค้าเกษตรประเภทผักและผลไม้ ไปยังด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าในประเทศมาเลเซีย
ด้วยพืชผักและผลไม้ของทางภาคกลาง มีความหลากหลายมากกว่าทางภาคใต้ จึงทำให้ตนทำอาชีพรวบรวมค้าส่งผักผลไม้ลงสู่ภาคใต้ และประเทศมาเลเซียมาแล้วกว่า 10 ปี ในการขนส่งแต่ละครั้งจะคิดค่าบริการแบบเหมาจ่ายรถบรรทุก 6 ล้อที่ ราคา 22,000 บาท ต่อระยะทางไปกลับรวมกว่า 2,000 กิโลเมตร ซึ่งลูกค้าจะสั่งสินค้าให้ได้เต็มน้ำหนักบรรทุกที่ 9 – 10 ตันต่อรอบ
ก่อนหน้านี้ ร้านก็ประสบกับปัญหายอดสั่งซื้อลดลงถึงร้อยละ 40 เนื่องจากสินค้าเกษตรต่างปรับราคาขึ้น อันเป็นผลมาจากต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะราคาปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพง ทำให้ร้านต้องแบกรับภาระค่าขนส่ง เพื่อประคองธุรกิจมาแล้วระยะหนึ่ง
ส่วนการประกาศปรับราคาน้ำมันดีเซล จึงเท่ากับเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจขนส่งสินค้าเกษตร เพราะราคาน้ำมันถือเป็นหนึ่งในต้นทุนหลัก ราคาเหมาจ่ายที่มีอยู่คงจะใช้ไม่ได้ อาจจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น นั่นหมายถึง โอกาสที่คู่แข่งทางการค้าอย่างประเทศจีน จะส่งผักบางชนิดที่เหมือนกับประเทศไทย แต่มีราคาถูกกว่า เข้ามาตีตลาดมาเลเซียได้
ทั้งนี้ จึงอยากให้ภาครัฐหามาตรการช่วยเหลือ หรือแก้ปัญหาน้ำมันแพงให้ได้โดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสทางการค้า รวมไปถึงผู้บริโภคทางภาคใต้ จะต้องมีต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้น อันเกิดจากราคาผักที่จะแพงขึ้นอย่างแน่นอน
