ดา เอ็นโดรฟิน จูงมือ เดนิส เข้าพิธีหมั้น พร้อมมีทายาททันที

Home » ดา เอ็นโดรฟิน จูงมือ เดนิส เข้าพิธีหมั้น พร้อมมีทายาททันที


ดา เอ็นโดรฟิน จูงมือ เดนิส เข้าพิธีหมั้น พร้อมมีทายาททันที

ดา เอ็นโดรฟิน จูงมือ เดนิส เข้าพิธีหมั้น พร้อมมีทายาททันที

วันที่ 23 ธ.ค. นักร้องสาว ดา เอ็นโดรฟิน หรือ ธนิดา ธรรมวิมล จูงมือแร๊พเปอร์หนุ่ม เดนิส ไทยคูน เข้าพิธีหมั้นและยกน้ำชา ที่ ร้าน Mother May I หลังจากเสร็จพิธีเจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงงานในวันนี้

ความรู้สึกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ? ดา : “ตอนแรกก็สงสัย ว่าทำคนเขาร้องไห้กันในงานแต่ง มันเป็นโมเมนต์ที่บางทีเราขอพรจากพ่อแม่ หรือขอพรจากผู้ใหญ่ มันเหมือนชีวิตมันเปลี่ยนไปเลย”

เดนิส : “ได้ยินคำอวยพรจากแม่ จากยาย แบบโดนเลยนะ (หัวเราะ)”

ดา : “ใช่ ไปทั้งคู่ ร้องเลย มันออกมาเองค่ะ มันเหมือนว่าตั้งแต่เด็กจนโต ตัวดาเองก็ไม่คิดหรอก ว่าเราจะแต่งงานกับเพื่อนที่เราเคยรู้จักกัน เดินทางกันมาเป็น 10 กว่าปี กว่าจะมีโมเมนต์อย่างนี้”

พิธีตอนเช้าเป็นไปตามที่เราตั้งใจไว้เลย? ดา : “ง่ายๆ มากเลย ออร์แกไนซ์ก็เป็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันด้วย แล้วก็มีพี่ๆ ที่เป็นออร์แกไนซ์เรื่องความสวยงามของสถานที่ช่วยด้วย แล้วพ่อแม่พี่น้อง เราเอามาใช้หมดเลยค่ะ เพราะจากสถานการณ์โควิดอย่างนี้ เราก็ใช้เป็นแฟมิลี่เนอะ ส่วนใหญ่”

อยากให้งานเป็นแบบอบอุ่น จัดในสวน? ดา : “จริงๆ แม่เดนิสจะต้องกลับ L.A. เดือนมกราคมค่ะ เลยคิดว่าเขาจะมาทำธุระให้เสร็จเลย”

วันนี้เป็นการเจอกันครั้งแรกของสองครอบครัวด้วย คุณพ่อคุณแม่อวยพรว่ายังไงบ้าง? ดา : “ให้ผ่อนหนักเป็นเบา ถ้าคนร้อนหนึ่งร้อนคนหนึ่งจะต้องให้อภัย คนเราอยู่กันได้นานๆ ต้องให้อภัยกันเยอะๆ”

แล้วแม่เดนิสบอกว่าอะไรบ้าง? เดนิส : “ไม่รู้ คำแรกก็ร้องไห้เลย (หัวเราะ) จำไม่ได้แล้ว”

ดา : “หูดับอ่ะ ช็อก คือเพลงด้วยอะไรด้วย”

เดนิส : “ใช่ เพลงด้วยอะไรด้วย มันแบบว้าว ไม่คิดว่าจะมีโมเมนต์นี้”

ดา : “ตอนก่อนสวมแหวน ดาก็ไปสะกิดเขานิดหนึ่ง ว่า You Ready? อันนี้ Now and Forever แล้วนะ พอสะกิดแล้วเจอแม่อวยพรไปเท่านั้นแหละ ปี่แตกเลยค่ะ”

 

ย้อนกลับไปวันแรกที่รู้จักกัน กับตอนนี้ที่กำลังจะสร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว ความรู้สึกมันเป็นยังไงบ้าง? เดนิส : “วันแรกที่รู้จักเลย โอ้โห ช่วงนั้น 10 ปีก่อน (หัวเราะ)”

ดา : “มันจะเป็นกรึ่มๆ หลังตี 1 อะไรอย่างนี้ค่ะ(หัวเราะ) มันจะเป็นโมเมนต์นั้น ย้อนไปก็จะอายุประมาณ 23 -24 เองค่ะ กำลังเปรี้ยว เที่ยวกันแบบสุดๆ เลย แล้วตอนนั้นมันไม่มีคำว่าครอบครัวเข้ามาในหัวหรอกค่ะ

ตอนที่เราเป็นวัยรุ่น มันมีแต่คำว่าตัวเอง มีแต่คำว่าฉันจะทำให้อนาคตฉันดียังไง อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นแร๊พเปอร์ อยากทำงานยังไง ตามใจตัวเองซะเยอะ เป็นวัยรุ่น แล้วพอตอนโตมันมีเรื่องราว มีครอบครัว คุณยายดาก็แก่มากแล้ว คือ 84 ปีนี้แล้วค่ะ

เราก็คุยกัน อยากให้เขาได้จับเหลนเนอะ เพราะมันเหมือนเป็นพรจากยาย พ่อแม่เราเขาได้จับลูกของเรา เขาเลี้ยงเรามาได้ ถ้าได้มือของเขามาจับ มันเหมือนเป็นพรค่ะ ก็อยากให้เขาได้เจอ คุณแม่เดนิสก็ด้วย”

เดนิส : “คุณแม่ผมด้วย อยากให้เขาเห็นหลาน”

จะมีน้องเลยใช่ไหม? เดนิส : “ใช่ครับ”

ดา : “ใช่ค่ะ ก็คือปล่อยธรรมชาติเลย แล้วเราก็อยากมีครอบครัวใหญ่ๆ”

เดนิส : “คิดว่าประมาณ 6 คนมั้ง (หัวเราะ) ทวิน 3 ครั้งแบบนี้”

ดา : “ดาก็โอเค เข้าใจแล้ว ว่าทำไมบางครอบครัวถึงอยากทำทวิน (ลูกแฝด) เพราะว่าพอเรามีน้องตอนเราอายุเยอะ เช่น 35 36 หรือ 40 ก็ต้องพึ่งคุณหมอบ้าง จะได้เหนื่อยทีเดียว หรือลองแบบธรรมชาติปล่อยดูไหม ก็อยากลองเหมือนกัน เพราะเราก็เพิ่งเจอหลานเดนิส เป็นทวิน เขาก็น่ารักทั้งคู่ เป็นเด็กผู้หญิง

ก็คิดว่าอย่างต่ำน่าจะ 3 พยายามอยู่ค่ะ แฝดสาม 3 คู่ (หัวเราะ) เขามีเหรอคะ นี่คนหรือวัว (หัวเราะ) ก็ถ้าร่างกายคนเราไหว ดาไม่แน่ใจ ว่าเขาสามารถทำทวินกับทวินได้ไหม 2 คนแรก กับ 2 คนหลัง”

เรามีศึกษามาบ้างไหม? ดา : “คุยกับป้าเดนิสค่ะ เพราะเขาทำทวินเหมือนกัน ก็อยากรู้ว่าจะเป็นยังไง ผู้หญิงต้องดูแลสุขภาพยังไง หลังจากทำแล้ว น้องต้องโตในแล็บนะ ใช้เวลาเท่านี้ๆ (แสดงว่าจะมุ่งไปทางวิทยาศาสตร์เลย?) ก็ให้เวลาธรรมชาติกันถึงช่วงเดือนมีนาคมค่ะ เพราะถ้าเกิดว่าเขามาช่วงมีนาคม เขาก็อาจจะได้เป็นปีเสือเหมือนแม่ เพราะเดนิสเป็นปีวัว”

ถ้าเขาไม่มาช่วงมีนาคม เราก็จะบินไปเมืองนอกเลยใช่ไหม? ดา : “ก็คือจะทำมีนาคมเลย ยังไงก็จะให้ทัน 9 เดือน ที่จะคลอดในช่วงปีเสือ”

เห็นด้วยกับเขาไหมที่เขาอยากได้ลูก 6 คน ? ดา : “6 คนเลยเหรอ ร่างกายเราจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เนาะ ดาคิดว่าช่วงที่เราไหว แต่ก่อนถ้าเราไม่มีเขา ไม่ได้รู้จักเดนิสในเวอร์ชั่นนี้ บางทีเรื่องมีลูกเยอะๆเราอาจจะไม่ได้คิด เรารู้ว่าเขาดูแลครอบครัวเราได้

เขาดูแลแม่ ดูแลครอบครัวดี จนเรารู้สึกว่าถ้าเขามีลูก เขาจะดูแลลูกเราดีมาก เขาทำอาหาร ดูแลครอบครัว ออกแบบในชีวิตทุกอย่าง ถ้าเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ดาก็ไม่คิดที่จะมีลูกเยอะ”

แสดงว่าหน้าที่เลี้ยงลูกก็เป็นหน้าที่ของเดนิส? เดนิส : “ไม่มีปัญหา”

ดา : “เขาอยากมีครอบครัวใหญ่”

งงไหมจากเพื่อนแล้วมาถึงจุดนี้? ดา : “ตอนแรกเขาจะมาอยู่เมืองไทยแค่ 3 เดือนจนตอนนี้ 1 ปีแล้ว”

ประทับใจอะไรในตัวดาถึงได้พัฒนาจากเพื่อนมาเป็นแฟน? เดนิส : “จากเพื่อนเรากลับมาเจอกันอีก 10 กว่าปี มันเปลี่ยนแปลงขึ้นไปเยอะเลย ความคิดทุกอย่างเปลี่ยนหมดเลย เมื่อก่อนเรายังเด็กอยู่ อยากเที่ยว อยากสนุกเป็นศิลปินชอบเที่ยว ตอนนี้อยากใช้ชีวิตแบบมีครอบครัวอยากเป็นแฟมิลี่แมนแล้ว”

ดา : “มันเหมือนกับคำว่าเที่ยวเร็วเลิกเร็วประมาณนั้นเราใช้ชีวิตเต็มที่กันมาหมดแล้วและอีกฝั่งหนึ่งโลกของดาอยู่กับสตาร์มาตลอด เพื่อนๆพี่ๆน้องๆสังคมและอีกฝั่งก็เป็น hiphop underground หนักเลย เราใช้ชีวิตกันเต็มที่

ในช่วงวัยรุ่นก็คงเป็นแบบนั้นคือปาร์ตี้ถึงตี 5 เสร็จ สามารถไปทำงานต่อได้ จนเรารู้สึกว่าแล้วจะเป็นยังไงต่อ ถ้าเกิดเราเจอคนดีๆ แล้ว เราเปลี่ยนชีวิตตัวเองและต่อยอดให้เป็นครอบครัวที่สวยงาม มันน่าจะดีกว่า

เรารู้สึกว่าเรารักชีวิต เราอยากมอบชีวิตของเราสองคนให้กับลูกๆ เข้าใจว่าพ่อแม่ ที่มองเข้ามาที่ลูกแล้วเขารู้สึกว่านั่นตัวเล็กของเขา เขาอยากให้ความรักความสุขบนโลกนี้และส่งต่อให้ลูก”

แผนงานเพลงต้องเลื่อนออกไปไหมเพราะว่าตั้งใจที่จะมีน้องแล้ว? ดา : “เพลงจะจบช่วงเดือนมกราคมนี่ วันนี้เป็นวันหมั้นก็เลื่อนเขาส่งเพลงมาอยู่ค่ะ เขาก็เริ่มตามแล้ว”

เดนิส : “เราเปิดค่ายใหม่กับดาราชื่อ Bars Entertainment ทางธุรกิจเมืองไทยน่าจะเป็นที่เราพอมีความรู้และสามารถต่อยอดได้ ส่วนที่แอลเอเราก็เริ่มคิดอยากทำออร์แกไนซ์ เป็นคอนเสิร์ตออร์แกไนซ์ให้กับคนที่อยู่ USA อาจจะเป็นโบรกเกอร์แต่จริงๆ แล้วเราเป็นแบบหาคอนเสิร์ตไปลง คิดว่าครึ่งชีวิตเราคงแบ่งกันอยู่ระหว่างแอลเอกับประเทศไทย”

จากเพื่อนอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนนี้แหละจะมาเป็นแม่ของลูกเรา? เดนิส : “ตอนผมมาเมืองไทยได้เจอกัน เที่ยวด้วยกัน เราเห็นเขานิสัยเป็นอย่างไร เทคแคร์คุณยายแม่พ่อแบบสุดยอด แล้วก็เห็นเขาเล่นกับลูกเพื่อนๆ เรา เด็กๆรักเขามาก ผมก็รู้สึกว่าโอเคคนนี้แหละแน่นอน”

ดา : “เห็นภาพเขา ดาเชื่อว่ามันจะมีภาพที่เรานึกไปว่าคนนี้คือคนที่เราจะเห็นเขาอายุ 70 80 90 ไปด้วยกัน การดูแลเขาดูแลพ่อแม่ยังไง เขาก็จะดูแลครอบครัวเราอย่างนั้นซึ่งบ้านเดนิสเขาดูแลเทกแคร์ทุกคนแล้วก็เป็นครอบครัวใหญ่ดูแลกันตลอดเขาค่อนข้างมีความเป็นหัวหน้าครอบครัวสูง

ดาเคยพูดกับตัวเองว่า แฟนที่เราจะคบถ้าเกิดเขารักครอบครัวเรา ไม่เท่าที่เราดูแลรักครอบครัวเราได้ ก็อย่าเพิ่งเริ่มกับใครเลย ก่อนที่จะมาเจอเดนิสนะคะ แล้วก็มาเจอเขาที่ตั้งมาตรฐานในเรื่องการดูแลครอบครัวไว้สูงแล้วเขาก็ทำได้ดี มันก็เลยเร็ว ถ้าเขาอยู่ในเลเวลที่พร้อมมันจะไปเร็วมาก

แต่ถ้าเขาไม่พร้อมเราก็อาจจะเดตกัน 2-3 เดือน แล้วถ้ามันไม่เวิร์กก็คือจบ ดาจะไม่ใช้เวลา 3-4 ปีอีกแล้ว มันเร็วมากเลยนะคะ แล้วอายุมันผ่านไป 35 ลองคบหาดูใจ 2 ปี บวกอีก 2 ปี เราตื่นมาอีกวันนึงก็จะ 40 แล้ว คือถ้าใช่ 3 เดือนก็ไปต่อได้ ถ้าไม่ก็คงไม่นานขนาดนี้ ถามว่าเราคบกันนานแค่ไหนแล้ว ถ้าเป็นเพื่อนกัน 12 ปี ถ้าเป็นแฟนก็ 1 ปี คุยกันเริ่มช่วงเดือนกันยายนปีที่แล้ว”

เดนนิส : “ช่วงนั้นผมอยู่แอลเอ เราคุยกันเรื่องเพลง เรื่องธุรกิจ ผมอยู่ที่แอลเอ เขาอยู่ที่นี่ ก็คุยกันว่ามาทำงานกันไหม คุยกันทุกวัน ผมก็อยู่ที่แอลเอกับที่ไทยครึ่งๆ”

ดา : “ตอนแรกไม่มีเรื่องความรักเกิดขึ้นเลย แค่เราแลกความรู้กัน พอดาไม่มีค่ายแล้ว ก็อยากสตาร์ตอัพบิสซิเนส ก็เลยปรึกษาเขา ก็เลยคุยกันมาตลอด”

ขอถามเรื่องสินสอด? ดา : “จริงๆ แม่เขาบอกว่าอยู่เมืองไทยแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวมีที่แอลเอมีอีก(ยิ้ม) จริงๆคุณแม่ก็อยากให้ได้เจอพี่ๆเพื่อนของคุณแม่ที่แอลเอ ตอนนี้ก็อยากจะบอกว่า สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ศิลปินดาราหลายๆท่านที่ไม่ได้มา

จริงๆพิธีเป็นพิธีผู้ใหญ่ที่พ่อแม่เราได้เจอกัน เป็นพิธียกน้ำชาแบบจีนของบ้านเดนิส ส่วนเพื่อนถ้าโอไมครอนไม่มา เดือนมีนาเจอกัน ปาร์ตี้กัน ก็วางไว้ประมาณสิ้นเดือนมีนาคม (อาจจะมีน้องมาร่วมยินดี?) เนอะ ดูไทม์มิ่งก่อน”

ความประทับใจในตัวสามีของเรา 1 ปีที่ไม่ใช่มุมของเพื่อน? ดา : “ดาคิดว่าตอนวัยรุ่นมันก็คือตื่นเต้น มันไม่ได้มองลึกเข้าไปถึงคำว่าคู่ชีวิต มันไม่ในหัวหรอก แต่ว่าพอโตขึ้นพอเรารู้สึกว่าชีวิตมันเหนื่อยมาเยอะ เราทำงานกันมาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน

แค่ต้องการใครที่กลับบ้านมาแล้วนั่งกินข้าว ดูทีวี ช่วยกันดูบ้าน ช่วยกันดูแลครอบครัวของเราแค่นั้นเอง และเราเห็นทุกอย่างในตัวเดนิสว่าเขาพร้อมที่จะอยู่ในเลเวลที่จะพร้อมดูแลทุกคนเหมือนเรา ถ้าอายุ 35 แล้วคนนี้มาเต็มขนาดนี้ ก็ใช่แล้วแหละ (ยิ้ม) เขาเยอะกว่าดาอีกนะเรื่องการดูแล”

เดนนิส : “ที่แอลเอทุกคนตื่นเต้นมาก อยากเจอดามาก เพื่อน ครอบครัวที่โน่นด้วย”

มีอะไรอยากบอก “ดา” ไหม เป็นภรรยาของเราแล้ว?

เดนนิส : “ผมรักคุณเสมอและตลอดไป (ยิ้ม)”

มีคำมั่นสัญญาอะไรให้เจ้าบ่าวเราไหม? ดา : “ดูแลกันและกันค่ะ ชีวิตเหนื่อยมาเยอะแล้ว ดาเชื่อว่าเป็นหลายๆคู่ หลายๆคนที่ลงเอยแต่งงานกัน ถ้าได้โบนัสคือเราได้เพื่อนที่ดีมากๆ ไม่ใช่แค่สามีภรรยานะ คือคนนั้นต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน โน่น นี่ นั่น คนนี้ต้องเป็นเบสต์เฟรนด์ของเรา เพราะฉะนั้นแล้วคำว่าสามี-ภรรยาของดา มันคือคำว่า เพื่อนที่ดีที่สุด นั่นคือที่สำคัญที่เราจะอยู่จนแก่กันได้”

จดทะเบียนไหม? ดา : “น่าจะก่อนบินไปโน่น ก่อนบินยังมีเวลา นามสกุลยังไม่รู้ เขาเคยพูดว่า ธนิดา เตโชภาส ก็เพราะนะ (ยิ้ม) น่าจะบินไปแอลเอช่วงเดือนเมษายน”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ