หากให้พูดถึงกองหลังที่ดีที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนน่าจะนึกถึงชื่อ เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ซึ่งฝีเท้าเป็นที่ประจักษ์
ฟาน ไดก์เป็นเซนเตอร์ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ มีคุณสมบัติพร้อมทั้งเรื่องความเร็ว ความคล่องตัว ความแข็งแกร่ง การเล่นลูกกลางอากาศ ทักษะการใช้เท้า และการอ่านเกม
จากความครบเครื่องดังกล่าว ฟาน ไดก์จึงเป็นกำลังสำคัญนำต้นสังกัดอย่าง “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มากมาย แถมทีมยังเล่นได้อย่างดุดันจนกลายเป็นที่ครั่นคร้ามของเหล่าคู่แข่ง
ฟาน ไดก์เป็นศูนย์กลางที่ไว้ใจได้ในแนวรับ ทำให้ลิเวอร์พูลเสียประตูยาก แถมเจ้าตัวยังมีบทบาทในเกมรุกได้ด้วย โดยเฉพาะการขึ้นไปลุ้นโขกทำประตูยามที่ทีมได้ลูกตั้งเตะ
อย่างไรก็ตาม ฟาน ไดก์กลับมีเส้นทางทีมชาติที่ค่อนข้างอาภัพ เพราะจนถึงตอนนี้ในวัย 31 ปี ฟุตบอลโลกหนนี้เพิ่งจะเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเจ้าตัว ไม่นับยูฟ่า เนชันส์ ลีก ที่เปรียบไปแล้วก็เป็นแค่ทัวร์นาเมนต์เกมอุ่นเครื่องเท่านั้น
โดยฟาน ไดก์เริ่มต้นติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2015 แต่ในยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 “กังหันสีส้ม” ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้เลย
ขณะที่ยูโร 2020 ซึ่งเนเธอร์แลนด์คว้าตั๋วไปรอบสุดท้ายได้นั้น ทีแรกในปี 2020 ฟาน ไดก์อยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อมทั้งสภาพร่างกายและฟอร์มการเล่น ทัวร์นาเมนต์กลับต้องถูกเลื่อนเพราะโควิด-19 จากนั้นเมื่อได้กำหนดใหม่แข่งปี 2021 แข้งรายนี้ดันโชคร้ายบาดเจ็บหนักจนวืดแข่งขันเสียอีก
ฟุตบอลโลก 2022 ฟาน ไดก์จึงน่าจะมีความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยมล้น เพราะนี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกของตัวเอง แต่ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายด้วย เนื่องจากวัยขนาดนี้แล้วคงยากที่จะยืนระยะถึงครั้งต่อไปได้
ขณะที่เนเธอร์แลนด์เองก็แทบจะเป็นราชาไร้บัลลังก์ แม้ฟุตบอลดัตช์จะดุดันน่าตื่นตามาทุกยุคทุกสมัย แต่ทีมกลับคว้าความสำเร็จเพียงแชมป์ยูโร 1988 เท่านั้น
เพื่อเป้าหมายแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์ ฟาน ไดก์จะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญสำหรับภารกิจนี้อย่างไม่ต้องสงสัย