สาธารณสุขรัฐอะแลสการายงาน พบผู้เสียชีวิตรายแรกของโลกจาก “ฝีดาษอะแลสกา” โรคหายากที่เคยพบในไม่ถึง 10 คน

ย้อนไปเมื่อปี 2015 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐอะแลสกา สหรัฐฯ ได้รายงานพบผู้ป่วยติดไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดโรคที่มีอาการคล้ายกลุ่มฝีดาษ และได้ตั้งชื่อว่า “ฝีดาษอะแลสกา” (Alaskapox)

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า ส่วนใหญ่เชื้อไวรัสฝีดาษอะแลสกาพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก รวมทั้งหนูพุก ส่วนในสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว ก็อาจเป็นพาหะของไวรัสได้เช่นกัน

ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เคยมีผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้เพียง 6 รายเท่านั้น โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่แฟร์แบงก์ส (Fairbanks) และมีอาการแค่เล็กน้อย ประกอบด้วยมีผื่นหรือตุ่ม ต่อมน้ำเหลืองบวม และปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ โดยไม่มีใครต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา สาธารณสุขอะแลสกาออกรายงานว่า พบผู้ป่วยฝีดาษอะแลสกาติดเชื้อเป็นรายที่ 7 และเสียชีวิต ถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้
ผู้เสียชีวิตเป็นชายสูงอายุ (ไม่มีการเปิดเผยอายุที่แน่ชัด) อาศัยอยู่ตามลำพังบริเวณคาบสมุทรเคไน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อเดือนพ.ย. 23 และเสียชีวิตเมื่อปลายเดือนม.ค. 24

ชายรายนี้อยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็งและใช้ยารักษาที่มีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งอาจมีส่วนทำให้อาการป่วยจากฝีดาษอะแลสกาของเขารุนแรงขึ้น

เจ้าหน้าที่ระบุว่า “ผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่ตามลำพังในพื้นที่ป่าและรายงานว่าไม่มีการเดินทางเมื่อเร็วๆนี้ และไม่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับใคร” แต่มีรายงานว่า เขาเคยดูแลแมวจรจัดที่บ้านของเขา

“แมวทดสอบไวรัสเป็นลบ แต่แมวล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ และข่วนผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง” แถลงการณ์ระบุ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่แมวอาจจะมีไวรัสติดอยู่ที่เล็บเมื่อมันข่วนเขา

แถลงการณ์เสริมว่า พบรอยขีดข่วนที่เห็นได้ชัดเจนใกล้บริเวณรักแร้ ซึ่งเป็นจุดแรกที่ผู้เสียชีวิตแสดงอาการป่วยด้วย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่า ยังไม่มีรายงานกรณีการแพร่เชื้อไวรัสฝีดาษอะแลสกาจากคนสู่คน แต่แนะนำให้ผู้ที่มีอาการทางผิวหนังซึ่งอาจเกิดจากฝีดาษอะแลสกาใช้ผ้าพันแผลปิดบริเวณที่ได้รับผลกระทบ

คำแนะนำอื่นๆ ได้แก่ ล้างมือให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้เสื้อผ้าที่อาจสัมผัสกับผื่นแผล และซักเสื้อผ้าและผ้าปูที่นอนแยกต่างหากจากของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ