ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผย กรีฑา, ว่ายน้ำ และยิมนาสติก ซึ่งเป็น 3 ชนิดกีฬาสากล และเป็นกลุ่มกีฬาที่มีเหรียญรางวัลให้ลุ้นมากสุด ในมหกรรมกีฬายักษ์ เป็นสิ่งที่ไทยต้องมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนานักกีฬาให้เก่งและแกร่ง หากต้องการประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ ชูศักยภาพนักกีฬาไทยเวลานี้ดีพอ ต่อยอดไปสู่ความสำเร็จใน 2 รายการดังกล่าวได้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาเผยว่า ตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย กิจกรรมและการแข่งขันกีฬาทั้งในประเทศและระดับนานาชาติกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักกีฬาไทยตระเวนออกไปทำการแข่งขัน สั่งสมประสบการณ์และสร้างผลงานในเวทีระดับภูมิภาค ทวีป และระดับโลกกันอยู่ต่อเนื่อง
ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ เป้าหมายใหญ่ ซึ่งเป็นเป้าสำคัญของทัพนักกีฬาไทยยังคงอยู่ที่การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งหลายสมาคมกีฬานั้น มีแผนในการเตรียมนักกีฬากันอย่างต่อเนื่อง ส่วนเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาใหญ่ในปี 2023 เป้าหมายของเราโฟกัสและเน้นไปที่ในกีฬาหลักๆสากล โดย กรีฑา, ว่ายน้ำ และ ยิมนาสติก ที่เป็น 3 กีฬาที่มีความสำคัญในการแข่งขันระดับมหกรรมกีฬาระดับโลก เป็นสิ่งที่เราจะต้องหันมาเน้นและให้น้ำหนักมากขึ้น อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่ากีฬาอื่นไม่สำคัญ กีฬาอื่นที่เป็นกีฬาสากล ก็ยังคงต้องมุ่งเน้นเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่เราต้องมุ่งเน้นไปที่ 3 กีฬาดังกล่าว ก็เพราะเป็นกีฬาหลักในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งมีการชิงชัยเหรียญรางวัลกันเยอะ ซึ่งเมืองไทยตอนนี้ ก็มีนักกีฬาที่มีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้
“ช่วงที่ผ่านมามีการพูดคุยกันในแนวทางต่างๆ มีการเอาตัวอย่างของกีฬาที่ประสบความสำเร็จ อย่างเช่น ยกน้ำหนักเทควันโด วอลเลย์บอล มาถอดบทเรียน มาใช้เป็นคู่มือของการดำเนินการ และที่น่าดีใจ ก็คือในเรื่องของกีฬาเป็นเลิศที่มีการจับกลุ่มกันเหนียวแน่นขึ้น มีการพูดคุยกันระหว่างสมาคมกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น” ดร.ก้องศักด กล่าวทิ้งท้าย