ดร.ก้องศักด ขอทัพไทยสู้ซีเกมส์เต็มที่ ยันเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติมีให้ตามเดิม โดยเหรียญทอง มอบให้ 3 แสนบาท, เงิน 1.5 แสนบาท และทองแดง 7.5 หมื่นบาท โดยโค้ช เจ้าหน้าที่และสมาคมกีฬาจะได้รับเช่นกัน ในอัตราใหม่ที่มีการปรับปรุงเมื่อปี 2562
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมาเปิดเผยถึง ทัพนักกีฬาไทยที่้เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนามว่า ในการแข่งขันครั้งนี้ทางกกท. ได้ร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันเตรียมทีมเตรียมความพร้อมกันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักกีฬานั้น เกิดความพร้อมที่สุด แม้ต้องเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมและลงแข่งขันในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด
ดร.ก้องศักด เผยอีกว่า ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 หรือ “ฮานอยเกมส์” รอบนี้อยากให้นักกีฬาไทยทุกคน ทุกชนิดกีฬา มุ่งมั่นทำผลงานและสู้อย่างเต็มที่ในการแข่งขัน โดยเป้าหมายของกกท.จากการประชุมประเมินความหวังแล้วคาดว่าน่าจะทำได้ 112 เหรียญทอง ส่วนในชนิดกีฬาสากล 22 กีฬา ตั้งเป้าเอาไว้ 72 เหรียญทอง
“ในการแข่งขันครั้งนี้ ผมอยากให้นักกีฬาทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้สุดความสามารถ เรื่องรางวัลความสำเร็จที่เป็นเงินรางวัลอัดฉีดจากการคว้าเหรียญ ก็ขอยืนยันว่า ทาง กกท. และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ขอรับปากว่าจะมอบให้กับทุกๆคนตามเงื่อนไขและระเบียบของกองทุนฯเช่นเดิม”
สำหรับระเบียบว่าด้วยการมอบเงินรางวัลอัดฉีดในกีฬาซีเกมส์นั้น ตามการปรับใหม่เมื่อปี 2562 โดยเหรียญทองมอบให้เหรียญละ 300,000 บาท, เหรียญเงิน 150,000 บาท และเหรียญทองแดง 75,000 บาท
ขณะที่ผู้ฝึกสอนประเภทบุคคลและทีมกีฬาที่ไม่เกิน 6 คน ได้รับเงินรางวัลร้อยละ 20 ของเงินรางวัลที่นักกีฬาทั้งหมดได้รับ ส่วนผู้ฝึกสอนประเภททีมที่มีนักกีฬาตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป ได้รับเงินรางวัลร้อยละ 10 ของเงินรางวัลที่นักกีฬาทั้งหมดได้รับ โดยสมาคมกีฬา จะได้รับเงินรางวัลร้อยละ 30 ของเงินรางวัลที่นักกีฬาทั้งหมดได้รับ แต่ไม่เกินวงเงิน 6,000,000 บาท