ผู้ว่าฯ ททท. เผยโครงการ “ตำรวจจีน” ลาดตระเวนในไทย โฆษกรัฐบาล ชี้แจงหลังเกิดดราม่า บอกแค่ทำงานร่วมกันในการให้ข้อมูลเบาะแส
จากกรณีเมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงผลภายหลังการประชุมร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า นายกรัฐมนตรีได้ติดตามเรื่องความปลอดภัย คุณภาพสินค้า และการบริหารที่จะให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวในการอยู่ที่ประเทศไทย สำหรับเรื่องความปลอดภัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะทำงานร่วมกับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนได้พูดคุยกับสถานทูตจีน วันที่ 15 พฤศจิกายน เกี่ยวกับโครงการลาดตระเวน ที่จะเอาตำรวจจากประเทศจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทยตามเมืองท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จที่ประเทศอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมือง เมื่อโครงการนี้ออกมาจะทำให้เห็นความพร้อมในการยกระดับรับนักท่องเที่ยวในเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้าย เป็นไปตามเป้าเดิม ที่กำหนดไว้ที่ 4-4.4 ล้านคน
เมื่อถามว่ามีเหตุผลความจำเป็นอะไรที่ต้องให้ตำรวจจีนเข้ามาประเทศไทย น.ส.ฐาปนีย์กล่าวว่า เราต้องการให้ตำรวจจีนเห็นการทำงานของประเทศไทย ว่าเรายกระดับเรื่องความปลอดภัยอย่างไรบ้าง ให้เขาเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพราะคนจีนกลัวตำรวจมาก ถ้าตำรวจของเขามาแสดงความมั่นใจในเมืองไทย ก็จะช่วยยกระดับความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนอีกขั้นหนึ่ง
หลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับการนำตำรวจจีนเข้ามาในประเทศไทย ล่าสุด นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี มาตรการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดความเชื่อมั่นว่า จากการประชุมหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งก่อนนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สหรัฐฯ ในหารือ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้หารือเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยจากคนจีนกลุ่มสีเทาที่เข้ามาสร้างปัญหาในประเทศไทย
โดยทาง สตช. รายงานว่า พฤติกรรมของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในมุมของคนจีนที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย พบว่าพวกกลุ่มคนจีนสีเทา มีความเกรงกลัวตำรวจจีนด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวจีนจะรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษจากพวกเกเรทั้งหลายที่เป็นคนจีนด้วยกัน แต่มารังแกคนจีนที่มาท่องเที่ยวไทย หากมีตำรวจจีนมาช่วยดูแล เขาจะรู้สึกเชื่อมั่นเป็นพิเศษ
ดังนั้น ตำรวจของไทยจึงคิดว่า กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการกำราบกลุ่มจีนสีเทา คือขอให้ตำรวจจีนเป็นผู้ช่วยในการปฎิบัติงาน ซึ่งปกติการทำงานร่วมกันของตำรวจสากลมีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้แสดงออกให้เห็นชัดเจนขึ้น เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทยได้รับข้อมูลและเบาะแสที่แม่นยำรวดเร็วขึ้น ซึ่งตำรวจจีนมีข้อมูลและมีเบาะแสพร้อมจะให้ความร่วมมือกับตำรวจไทยเต็ม 100% และพร้อมจะให้ข้อมูลชี้เบาะแสล่วงหน้า ป้องกันไม่ให้พวกคนจีนที่คิดไม่ดีมาก่อเหตุ และทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทยของคนจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนมีความเชื่อมั่นถ้ามีตำรวจจีนมาร่วมทำงานกับตำรวจไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ข่าวที่จะให้ตำรวจจีนมาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงานและให้ข้อมูลเบาะแสเพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าประเทศไทยเป็นเอกราช ทำไมต้องใช้ตำรวจจีนมาลาดตระเวน
“เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเช่นนี้ ทำไมต้องบิดเบือน และลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศเช่นนั้น ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเช่นนี้เลย เรามามุ่งสมาธิให้กับการทำงานรับใช้ประเทศชาติและประชาชนกันดีกว่าไหมครับ” นายชัยกล่าว