ดราม่าอาหารนก! วอชด็อก ซัด พระพยอม "พระต่างอะไรกับหมาที่รอขออาหารจากคน"

Home » ดราม่าอาหารนก! วอชด็อก ซัด พระพยอม "พระต่างอะไรกับหมาที่รอขออาหารจากคน"


ดราม่าอาหารนก! วอชด็อก ซัด พระพยอม "พระต่างอะไรกับหมาที่รอขออาหารจากคน"

ดราม่าอาหารนก! วอชด็อก ถาม พระพยอม “พระต่างอะไรกับหมาที่รอขออาหารจากคน” ชี้แก้ต้นเหตุและปลายเหตุปัญหาไม่ได้ ก็เงียบปากไปดีกว่าไหม

16 ธ.ค. 2565 – จากกรณีดราม่าปัญหาเป็นข้อพิพาท หลังชาวบ้านประมาณ 30 หลังคาเรือนหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของเพื่อนบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นระดับผู้อำนวยการโรงเรียน นำอาหารมาโปรยให้นกพิราบกินที่หน้าบ้านเป็นประจำทุกวัน จนทำให้นกพิราบที่มารอกินอาหารเพิ่มขึ้นทุกวัน สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จากมูลนกและขนนก ที่ขับถ่ายเปรอะเปื้อนไปทั่วหมู่บ้าน

ต่อมา พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า การทำบุญให้อาหารสัตว์จนทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนนั้น อาจไม่ได้บุญ แต่จะได้บาปไปแทน เพราะนำมาซึ่งความขัดแย้งในชุมชน โดยควรจะมีวิจารณญาณในการทำบุญให้ทานที่เกิดประโยชน์มากกว่าโทษ ถ้าทำบุญแล้วมีโทษ ก็จะได้บุญไปส่วนหนึ่งและบาปไปอีกส่วนหนึ่ง จะทำบุญก็ขอให้ฉลาดหน่อย

ล่าสุดแฟนเพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT ได้ออกมาโพสต์ตอบโต้ความคิดเห็นของ พระพยอม

แฟนเพจ ระบุว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ภิกขุ แปลว่าผู้ขอ…ภิกขาจาร จึงหมายถึงการที่ผู้ขอต้องตระเวนไปเพื่อหาอาหารใส่ปากใส่ท้อง แล้วมันต่างอะไรกับหมาที่รอความเมตตาขออาหารจากคนให้ข้าว !! คนที่ให้ข้าวหมาจร เขาไม่ได้หวังว่าบุญพาวาสนาส่งอะไรหรอก เขาเพียงแต่เมตตาเวทนาสัตว์ด้อยโอกาสจึงขวนขวายหาทางทำให้อิ่มท้อง ด้วยการหาอาหารมาให้สัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก

นี่คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ที่คนในสังคมเดียวกันนี่แหละเป็นคนสร้างปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการทอดทิ้งสัตว์ ถ้าพิจารณาลำดับปัญหาและการแก้ไข ต้นเหตุและปลายเหตุของปัญหาไม่ได้ ก็เงียบปากไปเลยดีกว่าไหม #อย่าได้ออกมาพ่นเรื่องไร้สาระที่ไม่รู้จริงแล้วออกมาพูดให้คนรักสัตว์ต้องระคายใจ เสื่อมเปล่า ๆ มิฉะนั้นการให้อาหารสัตว์จะต่างกันยังไงกับใส่บาตร

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ พระพยอม กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ถ้าจะประชดประชันแดกดันแบบนั้นมันไม่เกิดประโยชน์ ต้องยึดเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก “ทานังวิจายสุขตปสัตถัง” พระองค์ไม่สรรเสริญคนให้มาก คนให้น้อย คนให้เก่ง คนให้ถี่ แต่สรรเสริญคนที่ใคร่ครวญดีแล้วจึงนำออกให้มากกว่า คำว่าเมตตานั้นต้องมาพร้อมกับคำว่าปัญญาด้วย ไม่ใช่เมตตาด้วยอวิชชา มันใช้ไม่ได้ เพราะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น

อาตมาอยากถาม วอชด็อก ให้กลับไปดูว่า อาตมาพูดว่าการให้อาหารสัตว์ควรจัดเป็นโซนนิ่ง เป็นจุดเป็นสถานที่ไปเพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น อาตมาไม่ได้พูดว่าห้ามไปให้อาหารสัตว์ เพราะถ้าอาตมาไปพูดแบบนั้นอาตมาจะเป็นพระไม่ได้เลย การที่จะมาเปรียบเทียบแดกดันแบบเมตตาอวิชชานั้น พอถูกพูดเตือนหน่อยก็จะเกิดความเครียดแค้น เดือดดาล จึงต้องมีปัญญาเข้ามากำกับไว้ และไม่มีใครมีสิทธิมาห้ามปากพระไม่ให้เทศน์ ไม่ให้สอนหรือเตือนสติเช่นกัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ