วันที่ 17 ธันวาคม 2566 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวรายหนึ่งโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพสอบถามความคิดเห็นชาวเน็ตในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” ที่มีสมาชิกมากกว่า 5 แสนราย ถึงกรณี “แซนวิชไหม้เกรียม” ที่ครอบครัวตนเองพบเจอจากการบริการของร้านค้าแห่งหนึ่ง โดยเธอระบุข้อความว่า “รบกวนสอบถามได้ไหมคะ ข้างในมันจะยังกินได้อยู่ไหม ถ้าหากว่าทางร้านตั้งใจอุ่นมาเพื่อให้ไหม้ขนาดนี้ ตั้งใจตื่นเช้ามาจะให้ลูกทานข้าวเช้า อวสานข้าวเช้าเลยค่ะ เป็นแบบนี้ยังจะส่งให้กับลูกค้าอีกหรือ นี่เป็นการบริการของทางร้านโดยเฉพาะเลยหรือเห็นเป็นเรื่องธรรมดา รบกวนสอบถามพี่พี่ด้วยนะคะ ถ้าผิดกฎต้องขออภัยด้วยค่ะ เพราะว่ามันเกินไปจริงๆ #สงสารลูกจับใจ”
ซึ่งหลักจากเธอโพสต์สอบถามไปได้ไม่นานมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า
-ทำไมกล้าให้ลูกค้า
-ไหม้เกินไปมากค่ะ อันตราย
-พนักงานน่าจะพลาด ถ้าเปลี่ยนพนักงานก็ต้องจ่ายเอง
-อันนี้พนักงานไม่สมควรนะ คิดไรอยุ่ถึงให้ลูกค้ามาสภาพแบบนี้
-ไหม้ขนาดนี้ยังจะยัดให้ลูกค้าอีก ปกติต้องทิ้งแล้วเอาชิ้นใหม่มาให้ ไม่ใช่ลูกค้ามาเคลมเอง แนะนำให้คอมเพลน
- สุขสันต์ขอนแก่น เงียบเหงา! หลังมีข่าว ‘สมรักษ์’ ล่วงละเมิดเด็ก 17
- รถบรรทุกเบรกแตก ชนด่านตรวจ พบ ตำรวจบาดเจ็บสาหัส เลือดคั่งในสมอง
- เปิดแชทสุดท้าย! สาวหนีผัวผจก.หอเมา ปีนหลังห้องหนีพลัดตกตึก
โดนสภาพของแซนวิชชิ้นดังกล่าว เป็นลักษณะแซนวิชอุ่นร้อน ซึ่งสามารถเห็นได้ตามร้านสะดวกซื้อชื่อดังทั่วไป โดยแซนวิชชนิดนี้ พนักงานจำทำการนำเข้าเตาปิ้มแบบประกบกับ เพื่อทำการอุ่นให้ส่วนประกอบด้านในของแซนวิชร้อน จึงค่อยนำมารับประทาน แต่ทว่าแซนวิชชนิดนี้ หากใช้ไฟที่แรงเกินไป หรือ อุ่นนานจนเกินไปจะทำให้แป้งขนมปังที่อยู่ด้านนอกเกิดความเสียหาย อย่างในกรณีนี้ได้
ทั้งนี้ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า อันตรายที่เกิดจากการกินของไหม้เกรียม จะมีสาร เฮทเทอโรไซคลิก เอมีน (heterocyclic amines; HCAs) และสาร โพลีไซคลิก อะโรเมติก ไฮโดรคาร์บอน (polycyclic aromatic hydrocarbons; PAHs) สารพิษนี้พบได้จากการรับประทานอาหารประเภทปิ้งย่างไหม้เกรียม เขม่าดำ เกิดจากความร้อนทำปฏิกิริยาโดยตรงกับไขมันในเนื้อสัตว์ จนทำให้เกิดเป็นควันที่มีพิษ หากรับประทานเข้าไปในปริมาณมากก็จะเกิดการสะสมในร่างกาย จนเป็น สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหารได้