กำลังกลายเป็นกระแสร้อนแรง กับ อิมาน เคลีฟ นักมวยหญิงชาวอัลจีเรีย วัย 25 ปี ที่ได้เข้าแข่งขันในโอลิมปิก 2024 ประเทศฝรั่งเศส โดย อิมาเน เคลิฟ เป็นหนึ่งในนักมวยผู้หญิง ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก แต่ก็ยังมีข้อกังขามากมาย
อิมาน เคลีฟ เคยถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกหญิงเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากไม่ผ่านการทดสอบฮอร์โมนเพศชายและคุณสมบัติทางเพศ แต่เธอก็เคยคว้าแชมป์ African and Mediterranean Championships ในปี 2022 และเข้าถึงรอบชิงแชมป์โลกที่อิสตันบูล แต่พ่ายแพ้ให้กับ เคที บรอดเฮิร์สต์ จากไอร์แลนด์ ได้เหรียญเงินมาครอง เธอเคยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกที่โตเกียว 2020 แต่ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ
แม้จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยม แต่เคลีฟก็ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกในเดือนมีนาคม 2023 จาก IBA ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งต่อมาพบว่าเธอไม่ผ่านการทดสอบระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ที่มีสูงเกินกว่าที่กำหนด
สำหรับ อิมาน เคลีฟ เธอเกิดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 1999 ในใบเกิดเธอถือว่าเป็นเพศหญิง แต่ที่เธอไม่ผ่านการตรวจเพศ เพราะเธอมีฮอร์โมนชายมากเกินระดับ โดยเธอจะมีลักษณะทางกายภาพรวมถึงโครโมโซมเป็นเพศชายตั้งแต่กำเนิด มีการผลิตฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเตอโรนในระดับสูง ถึงแม้ว่าจะมีอัวยะวะเพศหญิงก็ตาม
อย่างไรก็ตามจากการตรวจเพศเมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 ที่ เคลิฟ ตรวจเพศไม่ผ่านนั้น กลับได้รับไฟเขียวจาก IOC หรือคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่เข้ามาดูแลการชกมวยในโอลิมปิกครั้งแรกว่า ให้เธอสามารถขึ้นชกในโอลิมปิกได้ สุดท้าย IOC ก็โดนกระแสดราม่าถล่ม ที่อนุญาตให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันในประเภทหญิงในโอลิมปิกครั้งนี้ เหตุเพราะเมื่อปีที่แล้ว นักชกทั้งสองถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันชิงแชมป์โลกหญิงปี 2023 โดยประธานสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (IBA) กล่าวว่าการทดสอบ DNA “พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีโครโมโซม XY จึงถูกตัดสิทธิ์“
ล่าสุด อิมาเน เคลิฟ นักชกหญิงชาวอัลจีเรียที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก็ได้เอาชนะนักมวยหญิงชาวอิตาลีอย่าง แองเจล่า คารินี ในระยะเวลาเพียง 46 วินาที หลังเธอยอมแพ้ในการแข่งขันครั้งนี้ เพราะรู้สึกไม่ยุติธรรม
คารินี ซึ่งใช้เวลาชั่วชีวิตในการฝึกชกมวยเพื่อมาแข่งโอลิมปิคเปิดเผยภายหลังว่า “ฉันเสียใจมาก ฉันขึ้นสังเวียนเพื่อให้เกียรติพ่อของฉัน แต่ฉันเลือกที่จะหยุดการต่อสู้เพื่อสุขภาพของฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกถึงหมัดที่รุนแรงแบบนี้มาก่อน ฉันขึ้นสังเวียนและทำหน้าที่ของฉันในฐานะนักมวย และพยายามที่จะต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงข้อโต้แย้งเรื่องเพศ แต่หลังจากหมัดที่สองเข้าที่จมูก ฉันหายใจไม่ออกอีกต่อไป ฉันกลับไปหาโค้ชของฉันและพูดว่า พอแล้ว” คารินี กล่าว