ญี่ปุ่นโวยลั่นรัสเซียล้มถกสงบศึก คงสถานะชาติศัตรูสงครามโลกครั้งที่สอง
ญี่ปุ่นโวยลั่นรัสเซียล้มถกสงบศึก – วันที่ 22 มี.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทางการญี่ปุ่นแสดงท่าทีเดือดดาลหลังทางการรัสเซียระงับการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสถานะชาติศัตรู พร้อมระงับโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลบนหมู่เกาะพิพาทคูริล
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทางการรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากทางการญี่ปุ่นเข้าร่วมกลุ่มชาติที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจขั้นสุดยอดต่อรัสเซียกรณีรุกรานก่อสงครามในประเทศยูเครน ส่งผลให้รัสเซียยุติการให้ฟรี-วีซ่ากับพลเมืองญี่ปุ่นแล้ว
นอกจากนี้ รัสเซียและญี่ปุ่นนั้นยังมีฐานะเป็นชาติศัตรู และยังไม่ได้ยุติสถานะสงครามระหว่างกันตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากกรณีพิพาทหมู่เกาะคูริล ทางเหนือของเกาะฮอกไกโด หลังดินแดนดังกล่าวถูกอดีตสหภาพโซเวียตเข้ายึดครองจากจักรวรรดิญี่ปุ่นช่วงสิ้นสุดสงคราม
แถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า ภายใต้เงื่อนไขที่กำลังเกิดขึ้นทำให้ทางการรัสเซียไม่มีแผนจะเดินหน้าเจรจาสันติภาพกับทางการญี่ปุ่น เนื่องจากท่าทีไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจนของญี่ปุ่นที่ต้องการทำลายล้างผลประโยชน์ของรัสเซีย
นายฟุมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวแสดงความเดือดดาลว่า ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงกับการตัดสินใจของทางการรัสเซีย เนื่องจากเป็นการตอบโต้ที่ไม่ยุติธรรม และยอมรับไม่ได้สิ้นเชิง
“สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการตัดสินใจของทางการรัสเซียที่ใช้กำลังทหารเข้ารุกรานโจมตียูเครนเพียงฝ่ายเดียว การนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและรัสเซียนั้นไม่เป็นธรรม และยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง”
นายคิชิดะ กล่าวย้ำว่า เจตนารมย์ของทางการญี่ปุ่นที่ต้องการเดินหน้าเจรจากับรัสเซียเพื่อจัดทำสนธิสัญญาสันติภาพเพื่อยุติสถานะสงครามระหว่างกันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทางการญี่ปุ่นจึงขอประท้วงการตัดสินใจข้างต้นของทางการรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ญี่ปุ่น กล่าวว่า ทางการญี่ปุ่นจะยังคงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียต่อไปเนื่องจากเป็นความร่วมมือกันของนานาชาติ
นายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ เลขาธิการใหญ่คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า ตนนำส่งเอกสารประท้วงของทางการญี่ปุ่นไปยื่นต่อสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงโตเกียวแล้ว
ทั้งนี้ ทางการญี่ปุ่นเพิ่งประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย โดยเพิกถอนสถานะคู่ค้าสำคัญอันดับหนึ่งของรัสเซียออกจากบัญชีของญี่ปุ่น จำกัดการนำเข้าสินค้าบางชนิด และขยายขอบเขตการอายัดทรัพย์ต่อบรรดาบุคคลผู้มีอิทธิพลรอบตัวผู้นำรัสเซีย
นอกจากนี้ ทางการญี่ปุ่นยังประกาศจะส่งอาหารและยาไปช่วยเหลือชาวยูเครน พร้อมประกาศรับชาวยูเครนที่ต้องการเดินทางมาลี้ภัยในญี่ปุ่น โดยขอให้ชาวญี่ปุ่นให้การสนับสนุนด้วย
ท่าทีดังกล่าวของทางการรัสเซียนับได้ว่าเป็นการแช่แข็งการเจรจาสันติภาพที่ใกล้ประสบความสำเร็จ และการกลับหลังหันของนโยบายการต่างประเทศของรัสเซีย
หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เคยส่งสัญญาณเมื่อปี 2564 ว่า ทั้งรัสเซียและญี่ปุ่นต่างต้องการสันติภาพ การที่ทั้งสองชาติยังไม่บรรลุการเจรจาสงบศึกนั้นถือว่าไม่มีเหตุผล