สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นจากสหรัฐ รายงานโดยอ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายรายของสหรัฐและเอกสารหลายฉบับเมื่อวันจันทร์ (14 มิ.ย.) ว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐกำลังประเมินความเป็นไปได้ของรายงานฉบับหนึ่ง ที่ระบุว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งหนึ่งในจีนรั่วไหล หลังจาก ฟรามาโตม บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส ที่ถือหุ้นและมีส่วนในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เตือนว่ามี “ภัยจากกัมมันภาพรังสีที่เกิดขึ้นกะทันหัน”

คำเตือนดังกล่าวของฟรามาโตม ที่ส่งไปยังกระทรวงพลังงานของสหรัฐ ยังระบุด้วยว่า หน่วยงานด้านความปลอดภัยของรัฐบาลจีนกำลังเพิ่มเพดานข้อกำหนดของกัมมันตภาพรังสีนอกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งดังกล่าว เพื่อจะได้ไม่ต้องปิดโรงไฟฟ้าแห่งนี้

หนึ่งในแหล่งข่าวดังกล่าว เผยว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน เชื่อว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤต แต่การที่บริษัทต่างชาตินำเรื่องมาแจ้งให้รัฐบาลสหรัฐเพื่อขอให้ช่วย โดยที่หุ้นส่วนซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีนยังไม่ยอมรับว่ามีปัญหาเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องปกตินักเช่นกัน และสถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้สหรัฐถูกลากมาเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ซับซ่อนนี้ด้วย

ไม่ใช่แค่นั้น ความกังวลเรื่องดังกล่าวก็สูงมากพอทำให้สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐจัดประชุมเรื่องนี้หลายครั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

แหล่งข่าวหลายรายยังบอกตรงกันว่า ช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลนายไบเดนหารือเรื่องนี้กับรัฐบาลฝรั่งเศสและผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงพลังงาน และสหรัฐยังติดต่อกับรัฐบาลจีนด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนว่าพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่

นอกจากขอความช่วยเหลือแล้ว ฟรามาโตมยังขอให้รัฐบาลสหรัฐระงับข้อกำหนดบางอย่างเพื่อนำความช่วยเหลือทางทคนิคของสหรัฐไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้านี้ด้วย 

ซีเอ็นเอ็นเผยว่า เอกสารที่สำนักข่าวได้รับมาระบุว่า จริงอยู่ที่สหรัฐอาจให้อนุญาตฟรามาโตมนำความช่วยเหลือทางเทคนิคดังกล่าวไปแก้ปัญหา แต่สุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีนว่าจะปิดโรงไฟฟ้าโดยสมบูรณ์หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไถซานออกแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า สถานการณ์ยังปกติ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียณ์ทั้ง 2 เตาที่โรงไฟฟ้ายังทำงานอยู่ และเตาที่ 2 เพิ่งมีการปรับปรุงใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งยังเชื่อต่อเข้ากับระบบจ่ายไฟฟ้าด้วยความสำเร็จเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมานี่เอง แต่ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลและวิธีการปรับปรุงเตาปฏิกรณ์ดังกล่าว