เรื่องนี้ซับซ้อนมาก “หนุ่มเมืองจันท์” ไล่ไทม์ไลน์ละเอียดและอ่านเข้าใจง่าย กระบวนการคืนชีพสื่อ ITV ใครจงใจเปลี่ยนขาวเป็นดำ ขัดขา “พิธา” หลุดเก้าอี้นายกฯ
วันที่ 11 มิถุนายน 2566 จากกรณี ฐปนีย์ ข่าว 3 มิติ เปิดคลิปที่ประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี นาทีตอบคำถามยังเป็นสื่อหรือไม่ โดยพบว่าจากคำตอบว่า “ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ” เมื่อลงในบันทึกการประชุมถูกบิดเบือนกลายเป็น “ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทและมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ”
ล่าสุด นายสรกล อดุลยานนท์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ หนุ่มเมืองจันท์ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ไล่ไทม์ไลน์ละเอียดและอ่านเข้าใจง่าย กระบวนการคืนชีพสื่อ ITV ขัดขา “พิธา” หลุดเก้าอี้นายกฯ เรื่องนี้ซับซ้อนมาก
ข่าวใหญ่วันนี้ “แยม” ฐปณีย์ เปิดคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีในรายการ “ข่าว 3มิติ” จับพิรุธการร้องการถือหุ้นไอทีวีของ “ทิม-พิธา” จนมีคนตั้งข้อเกตุว่าคล้ายกับมีขบวนการสมคบคิดเพื่อล้ม “พิธา”
ก่อนหน้านี้มีการเปิดหลักฐานบันทึกการประชุมไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า “ไอทีวี” ยังทำสื่ออยู่เพื่อมัด “พิธา” ในเอกสารการประชุมระบุว่า นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นสอบถามว่า “ไอทีวี” มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่ออยู่หรือไม่
ประธานในที่ประชุมตอบว่า “ปัจจุบันบริษัทยังมีการดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ” นั่นคือ ข้อความในบันทึกการประชุม
แต่ในคลิปการประชุมผ่านระบบอิเลคทรอนิกส์ที่ “แยม” เปิดในรายการ “ข่าว 3มิติ” วันนี้ ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามข้อความในบันทึกการประชุม “ความจริง” เป็นแบบนี้ครับ
นายภาณุวัฒน์ ถามว่า “มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ” นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุม ตอบว่า“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆนะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ”
คลิปนี้เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าการจัดการ “ทิม-พิธา” เรื่อง “ไอทีวี” ไม่ใช่กระบวนการปกติ แต่เหมือนเป็น “ขบวนการ” แบบร่วมด้วยช่วยกัน มีการสร้างเอกสารชิ้นนี้ด้วยความร่วมมือจากหลายฝ่าย อย่างน้อย 3 ฝ่าย
ฝ่ายแรก ส่งลูกน้องไปประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี และตั้งคำถามเรื่องการดำเนินการเรื่องสื่อ แต่คำตอบไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง อย่าลืมว่าผู้ถือหุ้นคนนี้เข้าประชุมด้วยตัวเอง เขาต้องได้ยินกับหูว่าคำตอบไม่ตรงกับบันทึกการประชุม แต่ทำไมถึงยืนยันข้อความในเอกสาร หรือเป็นเพราะได้รับสัญญานจากฝ่ายที่สองที่สมคบคิด?
ฝ่ายที่สอง ต้องมีอำนาจสูงมากที่สามารถสั่งให้เลขานุการบริษัทเปลี่ยนคำในบันทึกการประชุมจาก “ขาว” เป็น “ดำ” เพื่อมัด “พิธา” ว่า “ไอทีวี” ยังทำธุรกิจสื่ออยู่ และมีอำนาจที่สั่งให้ประธานในที่ประชุมยอมเซ็นรับรองเอกสารชิ้นนี้ คนๆ นี้ถ้าไม่เกลียดหรือโกรธ “พิธา” เป็นการส่วนตัว เขาต้องเดือดร้อนมากหาก “พิธา” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
และฝ่ายที่สาม คือ คนที่รับเรื่องทั้งหมดไปยื่นร้องเรียนที่ กกต.
เรื่องนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากครับ