สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2567 ได้มีประเด็นบนสื่อโซเชียล กรณีมีคุณปู่วัย 81 ปี อดีตหัวหน้างานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ตกเป็นเหยื่อถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงิน 19 ล้านบาท จํานองบ้านอีก 3 ล้าน หมดเงิน 22 ล้าน สูญทั้งเงินเสียทั้งบ้าน จนอยากปลิดชีพตัวเอง และได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจ บช.สอท. ในเวลาต่อมา
คดีนี้ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพแต่งกายปลอมเป็นตํารวจวิดิโอคอลมาหลอกว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายได้พัวพันกับการทุจริตในหน่วยงานราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีผู้ร่วมทุจริตเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่-ผู้น้อยกว่า 100 คน โดยอ้างว่ามีการนําเงินจากการทุจริต มาฝากผ่านบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย
มิจฉาชีพแจ้งว่าเงินที่อยู่ในบัญชีของผู้เสียหายต้องตกเป็นของกลางในคดีอาญา แต่หากต้องไปสอบสวนที่โรงพักจะลําบาก จึงแนะนําให้ผู้เสียหายทําตามขั้นตอน โดยติดต่อกันผ่านทางแอป Line
จากนั้นมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นตํารวจได้ส่งรูปภาพที่อ้างว่าเป็นคําสั่งจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งส่งภาพที่อ้างว่าเป็นคําสั่งของ สํานักงาน ป.ป.ช. ให้ผู้เสียหายโอนเงิน หากผู้เสียหายไม่ทําตามขั้นตอนจะถูกดําเนินคดี หรือ อายัดทรัพย์
ผู้เสียหายเกิดความกลัว จึงหลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพจํานวน 19 ล้านบาท หลังจากนั้นมิจฉาชีพยังหลอกให้ผู้เสียหายจํานองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท
- แทบไม่เชื่อสายตา! หนูน้อย บอกพ่อ รู้สึกเหมือนมีคนแอบมอง สุดท้ายเจอเรื่องสุดพีค
- ตาขับจยย. ส่งหลานไปโรงเรียน ถูกปาเจโร่ ชนท้ายอย่างจัง ดับสลดทั้งคู่
- ติ๊กต๊อกเกอร์ ผวาหนัก! ถูกชายคล้าย ตร. ถูกเข้าชาร์จตัวหน้าบ้านตัวเอง
พร้อมทั้งดอกเบี้ยอีก 450,000 บาท โดยให้ผ่อนชําระดอกเบี้ยเดือนละ 37,000 บาท และให้คืนเงินต้น 3 ล้านบาทที่เอาบ้านไปจํานองขายฝากไว้ภายในระยะเวลา 1 ปี
หลังได้เงินจากจํานองขายฝากบ้านอีก 3 ล้านบาท ก็ได้โอนเงินให้แก่มิจฉาชีพไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,095,000 บาท นอกจากนี้ มิจฉาชีพยังแจ้งให้โอนเงินเป็นค่าค้ําประกันทรัพย์สินที่โอนไปให้มิจฉาชีพอีกจํานวน 2.2 ล้านบาท
แต่ไม่มีเงิน จึงปรึกษาลูกชายที่อยู่ต่างประเทศ ถึงได้รู้ว่าพ่อน่าจะถูกมิจฉาชีพหลอก จึงรีบกลับประเทศไทยพาพ่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่ บช.สอท. ในเวลาต่อมา
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ดําเนินการสืบสวนกรณีดังกล่าวจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออํานาจศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องได้แล้วหลายราย
ต่อมาว่าที่ พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับ จนทราบว่ามีหนึ่งในเจ้าของบัญชีธนาคารที่ผู้เสียหายโอนเงินไป ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.หนองคาย
จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและวางแผนเข้าจับกุม จนสามารถเข้าจับกุม นางอัจฉรา อายุ 54 ปี ชาวหนองคาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี
นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมาย