หลังจากวิเคราะห์เรื่องราวทางการเมืองลง TikTok (ติ๊กตอก) Pannika.Chor และทำให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องยากๆ ไปเยอะแล้ว ก็ถึงคราวที่ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลและอดีต สส. พรรคอนาคตใหม่ ต้องมาวิเคราะห์เรื่องของตัวเองตามคำเรียกร้องของชาวเน็ต หลังจากถูกศาลฎีกาตัดสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต!!!
งานนี้ ช่อ ก็รับบทส่งกำลังใจให้นางสาวพรรณิการ์แม้เจ้าตัวจะกำลังใจดีอยู่แล้ว และยังบอกว่าเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ เพราะตนก็โดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองอยู่แล้วถึง 10 ปี ซึ่งผ่านไปเพียง 3 ปีกว่าเท่านั้น
“ต้องบอกว่าทุกคนแปลกใจอะไรคะ? ลืมไปแล้วเหรอคะว่าคุณพรรณิการ์ถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว 3 ปีกว่าตั้งแต่ยุบพรรคอนาคตใหม่นะคะ” ช่อ กล่าวถึงนางสาวพรรณิการ์
ลุยวิเคราะห์การเมืองแบบตัวแม่ตัวมัม
ช่อเผยอีกว่า แม้นางสาวพรรณิการ์จะลงสมัครทางการเมืองใดๆ ไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่อื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วยหาเสียง หรือแม้แต่คนที่จะคอยวิเคราะห์วิจารณ์เหตุการณ์ทางการเมืองแบบแซ่บๆ เช่นนี้
“การวิเคราะห์วิจารณ์การเมืองแบบตัวแม่ ตัวมัม แบบแซ่บๆ ตัวมารดา ตัวคลอดบุตร ก็ยังจะสามารถทำได้อยู่นะคะ”
“โทษจริยธรรม” อิหยังวะเกินไป!!!
อย่างไรก็ตาม ช่อ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้โฟกัสเฉพาะกรณีของนางสาวพรรณิการ์เท่านั้น แต่การตัดสิทธิ์ทางการเมืองของใครคนใดคนหนึ่งตลอดชีวิตไม่ควรเกิดขึ้นจากองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ควรเกิดขึ้นจากปลายปากกาของประชาชนต่างหาก
และที่ผ่านมาก็มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิ์ในลักษณะนี้ ทั้งที่การกระทำต้นเรื่องอาจไม่ผิดหรือยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด เช่น นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส. จ.ราชบุรี ที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคสุดท้าย
“อันนี้ก็ถูกมองว่าเป็นการประหารชีวิตสำหรับนักการเมืองกันเลยทีเดียว” ช่อ กล่าว
“อย่าลืมนะคะก่อนหน้านี้มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุผลเรื่องมาตรฐานจริยธรรมหลายคนค่ะ”
“โทษอาญา ก็ว่าไปอาญา โทษแพ่ง โทษปรับ ก็ว่าไปตามแพ่ง แต่อีโทษจริยธรรมมันอีหยังวะเกินไปนะคะ สิ่งนี้ก็ควรถูกแก้ไขก็ไม่ใช่เฉพาะเพื่อช่วยใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อที่จะให้นักการเมืองถูกตัดสินชะตากรรมด้วยปากการของประชาชนผ่านการเลือกตั้งเท่านั้นนะคะ ไม่ต้องมีปากกาอาญาสิทธิ์ใดๆ มาคิดแทนประชาชนว่าเขาควรจะได้เลือกใครหรือไม่ได้เลือกใครมาเป็น สส. ของเขานะคะ”
ปากแจ๋วกว่าเดิมรับเลือกตั้งท้องถิ่น
ช่อ เผยอีกว่าการตัดสิทธิทางการเมืองครั้งนี้ ไม่น่าจะทำให้นางสาวพรรณิการ์ลดความร้อนแรงในการวิเคราะห์การเมืองลงได้ เพราะยังต้องวิจารณ์การทำงานของฝ่ายรัฐบาลใหม่และฝ่ายค้าน ทั้งยังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นอีกหลายสนามรออยู่ข้างหน้า
“ส่วนในด้านความเห็นส่วนตัวนะคะ ดิฉันก็คงต้องฝากกำลังใจไปให้กับคุณพรรณิการ์ ถึงแม้จะรู้ว่านางน่าจะไม่ได้ต้องการแต่อย่างใดนะคะ เพราะว่านางก็คิดว่าคงทำงานการเมืองต่อไปโดยไม่ได้รู้สึกรู้สาใดๆ ในความแซ่บ ในความปากแจ๋ว ดิฉันคิดว่านางก็น่าจะเหมือนเดิมทุกประการ หรือแม้แต่อาจจะมากยิ่งขึ้นนะคะ”