ครอบครัวสุดคาใจ หญิงวัย 54 ปี ป่วยหนัก จนท.หน่วยฉุกเฉินแจ้งเสียชีวิตคาบ้าน ก่อนสะดุ้งคืนชีพที่ รพ. สุดท้ายเสียชีวิตจริงไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
เว็บไซต์ Mirror Media รายงานเรื่องราวของ หญิงวัย 54 ปี จากอังกฤษ ที่ป่วยมานาน ถูกประกาศว่าเสียชีวิตที่บ้าน โดยเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน แต่เธอกลับ “ฟื้นคืนชีพ” ขึ้นมาในโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม เธอเสียชีวิตอีกครั้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โดยมีครอบครัวที่รักคอยอยู่เคียงข้าง
สถานการณ์แปลกประหลาดนี้ทำให้ครอบครัวตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการทางการแพทย์ และทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพเข้ามาตรวจสอบ
ตามรายงานของ Daily Mail ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2566 โอลีฟ มาร์ติน หญิงวัย 54 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคเรื้อรังและทรมานจากความเจ็บปวดได้เสียชีวิตที่บ้านในวันหนึ่ง ครอบครัวของเธอได้แจ้งศูนย์บริการฉุกเฉินท้องถิ่น (NEAS) ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็ประกาศว่าเธอเสียชีวิตแล้ว
แต่หลังจากที่ร่างของมาร์ตินถูกส่งไปยังโรงพยาบาลในท้องถิ่น เธอกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ครอบครัวและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่อยู่ในที่เกิดเหตุตกใจเป็นอย่างมาก
การตรวจสอบพบว่ามีสัญญาณชีวิต แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมามาร์ตินก็เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาล โดยมีครอบครัวที่รักคอยอยู่เคียงข้าง
รายงานข่าว ระบุว่า มาร์ตินมาจากไอร์แลนด์ และย้ายมาอยู่กับสามีที่เมืองดาร์ลิงตัน ประเทศอังกฤษ
โดย ชอว์นา วัย 32 ปี ลูกสาวของมาร์ติน กล่าวว่า ครอบครัวกำลังพยายามทำความเข้าใจและตรวจสอบการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินในระหว่างการช่วยชีวิต
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ผิดปกติอย่างมาก หน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ จึงได้เริ่มการสืบสวน ซึ่งผลการสอบสวนอาจจะต้องตัดสินโดยคณะลูกขุน
หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น NEAS ได้ออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษ พร้อมกับแจ้งว่าพวกเขาได้ตรวจสอบการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หน่วยบริการฉุกเฉินที่เกิดเหตุ และยังคงติดต่อกับครอบครัวอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่เดือนก่อน NEAS ก็เพิ่งถูกสอบสวนในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการปกปิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ ซึ่งการเกิดปัญหาอีกครั้ง ทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น
เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการสืบสวนอยู่ การตัดสินเกี่ยวกับการดำเนินการในอนาคต จะขึ้นอยู่กับรายงานชันสูตรศพฉบับสุดท้าย
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในบริการฉุกเฉินทางการแพทย์ แต่ยังได้กระตุ้นการถกเถียงเกี่ยวกับคุณภาพและความโปร่งใสของบริการทางการแพทย์อีกครั้ง