พบชายติดในท่อระบายน้ำกลาง กทม.มา 4 วัน เจ้าหน้าที่เร่งช่วย แข่งกับน้ำที่กำลังเอ่อท่วมท่อ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ()เมื่อเวลา 13.51 น. ตำรวจ สน.พญาไท รับแจ้งเหตุจากประชาชนพบชายอยู่ในท่อระบายน้ำใกล้เคียงแยกยมราช บริเวณซอยเพชรบุรี 2 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมอุปกรณ์ออกให้การช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุบริเวณท่อตะแกรงเหล็กพบชายสวมเสื้อสีแดงติดอยู่ในท่อระบายน้ำ 1 ราย ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกหนักและมีปริมาณน้ำขึ้นสูงประมาณหน้าอกของชายผู้ประสบเหตุ ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกหนักและมีปริมาณน้ำขึ้นสูงประมาณหน้าอกของชายผู้ประสบเหตุ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ใช้อุปกรณ์พยายามที่จะงัดตะแกรงเหล็กออกมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่สามารถงัดตะแกรงเหล็กออกมาได้ ต่อมาฝนหยุดตกระดับน้ำเริ่มมีการระบายลดลง จึงเปิดฝาท่อปูนที่อยู่ห่างไปประมาณ 10 เมตร ก่อนให้ผู้ประสบเหตุเดินมาอีกท่อหนึ่ง และใช้บันไดลงไปในท่อระบายน้ำนำตัวขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ใช้เวลาในการช่วยเหลือประมาณ 1 ชั่วโมง
เมื่อช่วยเหลือชายคนดังกล่าวขึ้นมาได้ พบว่าเจ้าตัวมีสภาพอิดโรย เนื้อตัวเปียกชุ่ม และเท้าเปื่อย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรเวช เพื่อดูอาการอย่างใกล้ชิด
จากการตรวจสอบพบว่า มีประชาชนได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นฝนกำลังตกจึงได้จอดรถบริเวณใกล้เคียงฝาท่อระบายน้ำ เพื่อจะใส่เสื้อกันฝน ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ จึงได้พบชายอายุประมาณ 40-50 ปี อยู่ภายในท่อระบายน้ำ
จากนั้นผู้ที่พบเห็นได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ป้อมตำรวจที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ เพื่อประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ผู้พบเห็นได้ยินชายคนดังกล่าวบอกว่าลงไปอยู่ในท่อได้ 4 วันแล้ว
ภายหลังจากการช่วยเหลือตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวทราบชื่อต่อมา คือ นายยศกร อายุ 44 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ มีสภาพร่างกายอ่อนแอ แขนและขาเปื่อยจากการแช่น้ำนาน สอบถามยังให้การวกไปวนมา พูดคุยรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่ตกลงไปว่าเกิดจากอะไร เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรเวช เพื่อรักษาตัวต่อ
ด้าน พ.ต.ท.โชติพิสิฐ ณรงค์ศักดิ์ รองผกก.ป.สน.พญาไท เปิดเผยว่า จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ประสบเหตุอ้างว่า มีคนจะมาอุ้มจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จึงหลบหนีไปอยู่ในท่อได้ประมาณ 4 วัน แต่ตัวเอง จำไม่ได้ว่า ลงไปตรงไหน
จากการตรวจสอบประวัติยังไม่พบว่ามีประวัติอาชญากรรมแต่อย่างใด โดยชายคนดังกล่าวประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เบื้องต้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จะส่งพนักงานสอบสวนไปทำการสอบปากคำที่โรงพยาบาลเพิ่มเติม และให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนช่วยตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป เนื่องจากเจ้าตัวยังอยู่ในอาการพูดวกไปวนมา ยังไม่สามารถให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้