วันนี้ (21 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งโต๊ะแถลง แฉเพื่อชาติ EP.3 เปิดเผยข้อมูลการขายที่ดินของบริษัทเอกชนอีกหลายแห่ง ทั้งในและนอกประเทศ โดยอ้างว่า นายเศรษฐา ทวีสิน มีความเกี่ยวข้องในการจัดตั้งขึ้นมาเป็น บริษัทนอมินีเพื่อทำการซื้อขายที่ดิน
พร้อมระบุว่า บุคคลที่ใช้ชื่อมาเป็นนอมินี นั่งกรรมการบริษัท เพื่อลงนามการซื้อขาย ที่ดิน พบ 2 คน เป็นคนไทยมีอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในจังหวัดมุกดาหารและสังกัดอยู่ในบริษัท รักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบุคคลในครอบครัวของนายเศรษฐาเป็นเจ้าของบริษัท จึงตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องทั้งหมดเป็นการจัดทำอย่างเป็นรูปแบบ เป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่จัดหาเจ้าที่รักษาความปลอดภัยมาเป็นนอมินีในบริษัท เพื่อลงนามทำนิติกรรมซื้อ- ขายที่ดิน ให้แก่บริษัทอสังหายักษ์ใหญ่ที่นายเศรษฐานั่งตำแหน่งบริหาร
นอกจากนี้ได้เปิดภาพห้องพัก ภายในอาคารแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่า เป็นสถานที่ ตามที่อยู่ตั้งบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ในฮ่องกง ที่มีชื่อเกี่ยวข้องในการซื้อขายที่ดิน โดยเป็นภาพห้องพักที่ไม่มีผู้อาศัย
ไม่มีลักษณะการดำเนินกิจการใดใด เพื่อยืนยัน ว่า เป็นบริษัทนอมินี ไม่มีการดำเนินกิจการจริง
ขณะเดียวกันหลัง ซื้อขายที่ดินแล้ว ยังมีการโอนสิทธิ์การครอบครองที่ดิน ที่ทำนิติกรรมในลักษณะเข้าข่ายการเลี่ยงภาษีที่ดินอีกด้วย โดยนายชูวิทย์ ระบุชื่อ นาย ท. เป็นขงเบ้งที่ให้คำแนะนำ ในการทำนิติกรรมเลี่ยงภาษีที่ดินให้กับบริษัท
นายชูวิทย์ ยังกล่าวถึง การที่นายสนธิเล่าข่าว และยื่นสรรพากรตรวจสอบนายชูวิทย์ว่า มีการขายที่ดินและเลี่ยงการจ่ายภาษีโดยทำนิติกรรมอำพราง ว่าไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่าจ่ายภาษีถูกต้องและยินดีให้ตรวจพิสูจน์
ช่วงท้ายการแถลงระบุว่า ในระยะเวลา 20 ปีที่ผมอยู่ในแสงสี อยู่ในสปอตไลท์ ถึงเวลาที่ผมจะถอย ถึงเวลาที่ผมจะลุกจากโต๊ะ ถึงเวลาผ้าม่านจะปิด แสงไฟจะดับ ซึ่งมันเป็นธรรมชาติ ใครที่ยังอยู่ในโลกแห่งการละคร คุณก็โลดแล่นไป ตามวิถีชีวิตของพวกคุณ ประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งก็เห็นแล้วใครตระบัดสัตย์
ชูวิทย์ บอกอีกว่า วันนี้ใกล้ถึงวันจบของผมแล้ว สิ่งใดที่ผมพลาดพลั้งไป ขออภัย ผมเป็นมนุษย์ปุถุชน แต่ไม่เคยโกงใคร ไม่เคยเอาเงินใคร ไม่เคยไปหลอกใคร ทรัพย์สินทั้งหมดล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผมหามา ผมติดคุกเพราะบุกรุกที่ผมเอง ไม่ได้บุกรุกที่คนอื่น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตัวตนของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปลือยธาตุแท้ให้คุณเห็น ผมติดคุกสามรอบ รอบสุดท้ายติดคุกด้วยเงิน 150,000 บาท ผมก็ยินดีติด ผมหมดสิ้นหนทางก็สารภาพ
“วันนี้ผมคงจะลาสังคมไทย มันเป็นสิ่งที่ผมยอมรับว่าเพียงพอแล้ว เมื่อผมเพียงพอแล้วและถึงเวลาของผม ผมก็ไม่ดันทุรังต่อไป ผมยอมรับวาระนี้ เป็นวาระที่ผมต้องผจญด้วยตัวเอง วันนี้ขอร่ำขอลาทุกคน เพราะเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้เลยขอเอ่ยคำอำลา”