ชี้อดีตนายกรัฐมนตรี ออสเตรเลีย แอบควบรมต. 5 กระทรวง ทำลายหลักการรัฐบาล
วันที่ 23 ส.ค. บีบีซี รายงานว่า นายสตีเฟน โดแน็กฮู รองอธิบดีกรมอัยการของ ออสเตรเลีย พบว่า อดีตนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน บ่อนทำลายหลักการรัฐบาลโดยพื้นฐาน ด้วยการแต่งตั้งตัวเองเป็นรัฐมนตรีต่างๆ เพิ่มเติมเป็นการลับ
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังนายโดแน็กฮูได้รับการร้องขอจากนายกรัฐมนตรีแอนโทนี แอลบานีส ผู้นำปัจจุบัน เพื่อสอบสวนการที่นายมอร์ริสันแต่งตั้งตัวเองดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 5 กระทรวง ได้แก่ สาธารณสุข, พาณิชย์, การคลัง, กิจการภายใน และทรัพยากร ในช่วง 2 ปีก่อนหมดวาระเมื่อเดือนพ.ค.
รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองดำรงตำแหน่งร่วมกับนายมอร์ริสัน ทำให้นักการเมืองบางคนออกมาวิจารณ์ ซึ่งกลายเป็นแรงกดดันให้นายมอร์ริสันลาออกจากรัฐสภา
นายโดแน็กฮูสรุปว่า การกระทำของนายมอร์ริสันไม่ผิดกฎหมาย แต่การปกปิดเป็นความลับจากสาธารณชนและนักการเมืองร่วมรัฐบาลของนายมอร์ริสันเองไม่สอดคล้องกับจารีตทางการเมือง
“ทั้งประชาชนและรัฐสภาไม่สามารถให้รัฐมนตรีรับผิดชอบหน้าที่ได้ หากไม่ทราบว่ารัฐมนตรีมีอำนาจเหล่านั้น” นายโดแน็กฮูกล่าว
ขณะที่นายกรัฐมนตรีแอลบานีสระบุว่า การกระทำของนายมอร์ริสันเป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างไม่เคยมีมาก่อน และว่าคำแนะนำของรองอธิบดีกรมอัยการเป็นการวิจารณ์อย่างชัดเจนมากต่อการกระทำของนายมอร์ริสัน และจะให้รายละเอียดเกี่ยวกับการไต่สวนเป็นวงกว้างในภายหลัง
“สิ่งที่เราทราบคือไม่มีความโปร่งใสเลย” นายกรัฐมนตรีแอลบานีสกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายมอร์ริสันออกมาปกป้องการกระทำของตัวเองนั้นมีเป้าหมายเพื่อความมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถบริหารประเทศต่อไปได้หากรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากโควิด และว่าตนแทรกแซงในการตัดสินใจของรัฐมนตรีเพียงครั้งเดียว นั่นคือการปฏิเสธข้อเรียกร้องของนายคีธ พิตต์ รัฐมมนตรีทรัพยากร
“การแต่งตั้งตัวผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเหล่านั้นเพื่อเป็นเกราะป้องกันเหมือกระจกแตกในกรณีฉุกเฉิน ด้วยเหตุนี้ เราจึงโชคดีที่ไม่ต้องทุบกระจกบานนั้น ผมคิดว่ามีความเสี่ยงอย่างมากที่…อำนาจเหล่านั้นอาจถูกตีความผิดและเข้าใจผิด ซึ่งเกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19” นายมอร์ริสันกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว