กรมอุทยานฯ ชี้คนทานเหี้ย พวกกลุ่มนิยมกินของแปลก เตือนอันตรายจากเชื้อโรค ย้ำไม่ปลด ตัวเงินตัวทอง ออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง หวั่นตัวเหี้ยสูญพันธุ์
2 มี.ค. 66 – กรณีมีการจับกุมแหล่งค้าตัวเหี้ย พบยังมีชีวิตอยู่ 32 ตัว ซากชำแหละแล้ว 59 ซาก ในพื้นที่ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีการจ้างชาวบ้านชำแหละแปรรูป และมีพ่อค้าขับรถมารับซื้อถึงที่ส่งร้านเปิบพิสดารที่ จังหวัดตราด นั้น
ล่าสุด นายเผด็จ ลายทอง ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า การทานเนื้อตัวเหี้ย เป็นเพียงความนิยมของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเท่านั้น คือ ชอบกินของแปลก ต้องเป็นอาหารป่าที่ไม่ได้เกิดจากการเพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นกลุ่มเฉพาะที่เอาเนื้อตัวเหี้ยไปทาน
ตามธรรมชาติไม่มีใครให้วัคซีนป้องกันใดๆ กับตัวเหี้ย ฉะนั้นในตัวเหี้ยจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่แล้ว โอกาสที่คนจะรับเชื้อโรคจากการทานเนื้อตัวเหี้ยก็มี ซึ่งจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้นอย่าไปกินมันจะดีกว่า ซึ่งในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลว่า นำตัวเหี้ยไปทำอย่างอื่น นอกจากทานเท่านั้น”
นายเผด็จ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เหี้ย ยังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ ถึงแม้ว่าเราจะเห็นว่าประชากรตัวเหี้ยอยู่กระจายในพื้นที่ทั่วไป แต่เรายังไม่มีการตรวจนับประชากรเหี้ยอย่างชัดเจน ว่ามีมากพอที่จะสามารถนำออกจากสัตว์ป่าคุ้มครองได้หรือไม่ เพราะการปลดออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง เราต้องแน่ใจว่าพวกเขามีประชากรมากพอที่จะไม่สูญพันธุ์ไปอย่างแน่นอน
ที่ผ่านมาเราเคยปลด นกเขาชวา ออกจากสัตว์ป่าคุ้มครอง เพราะมีการเพาะพันธุ์เพาะเลี้ยงจำนวนมาก และมั่นใจว่าไม่สูญพันธุ์แน่นอน แต่สำหรับตัวเหี้ย เรายังไม่มั่นใจถึงสถานะของพวกเขา เนื่องจาก ตัวเหี้ย แต่เดิมชอบไปขโมยของกิน คนก็เลยชอบด่ามัน และบัญญัติเป็นคำด่าขึ้นมา
แต่ตัวเหี้ยถือว่าเป็นสัตว์ที่ช่วยกำจัดซากในระบบนิเวศ มีการปรับตัวค่อนข้างดี อยู่ในน้ำครำ หรือพื้นที่ที่มีกลิ่นเหม็นได้ ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยชอบมัน ก็เกรงว่าถ้าปลดจากสัตว์ป่าคุ้มครอง พวกตัวเหี้ยอาจไม่ปลอดภัย อีกทั้งลายหนังของตัวเหี้ยก็มีลายที่ชัดเจน ซึ่งอาจมีกลุ่มคนที่นิยมนำไปทำผลิตภัณฑ์เครื่องหนังต่างๆ ได้
สำหรับความผิดในการลักลอบค้าสัตว์ป่า ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 17 ประกอบมาตรา 92 ข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซี่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และ มาตรา 29 ประกอบ มาตรา 89 ข้อหา “ร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
