หญิงอัฟกันให้กำเนิดบุตรสาว บนเครื่องบินอพยพของกองทัพสหรัฐฯ ด้านรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าให้ความช่วยเหลือต่อ เตรียมส่งเครื่องบินพาณิชย์อีก 18 ลำอพยพประชาชนออกจากอัฟกานิสถานไปยังประเทศที่ 3
กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ท่ามกลางความโกลาหนที่กำลังเกิดขึ้นในอัฟกานิสถานหลังการถูกยึดโดยกลุ่มตาลีบันเมื่อวันที่ 15 ส.ค. เครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ ที่ได้อพยพผู้คนออกมาจากอัฟกานิสถานมุ่งหน้าไปยังฐานทัพอากาศแรมสไตน์ในเยอรมนี (Ramstein Air Base) หญิงชาวอัฟกันคนหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ “เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น” ระหว่างการเดินทาง จนนักบินต้องลดระดับการบินให้ต่ำลงเพื่อลดความกดอากาศภายในตัวเครื่อง
BBC ชี้ว่า การตัดสินใจดังกล่าวของกัปตันทำให้อาการของผู้เป็นมารดาคงที่ขึ้นและสามารถช่วยชีวิตเธอและลูกไว้ได้ โดยหลังจากการลงจอดที่ฐานทัพอากาศแรมสไตน์แล้ว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รีบเข้าไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและสามารถทำคลอดบนเครื่องบินลำดังกล่าวได้สำเร็จ และหญิงอัฟกันก็ได้ให้กำเนินบุตรสาวบนเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ อย่างปลอดภัย โดยบุตรสาวของเธอมีสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง ก่อนถูกส่งเข้าพักฟื้นที่สถานพยาบาลใกล้เคียง
สถานการณ์บริเวณหน้าสนามบินของกรุงคาบูลยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายของประชาชนหลายพันคนที่พยายามหนีออกจากประเทศเพื่อเอาชีวิตรอด รอคอยด้วยความหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือในการอพยพท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ โดยนาโตกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่ามีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 20 รายระหว่างรอความช่วยเหลือนี้
ขณะนี้สนามบินกรุงคาบูลยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยืนยันว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยอพยพผู้คนไปแล้วเกือบ 28,000 คนในสัปดาห์ที่ผ่านมา “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำการอพยพผู้คนจำนวนมหาศาลขนาดนี้โดยไม่มีภาพที่น่าเจ็บปวดให้เห็น หนทางยังอีกยาวไกลนัก และความผิดพลาดมากมายยังคงสามารถเกิดขึ้นได้” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ณ ทำเนียบขาว
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ ‘เพนตากอน’ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ จะส่งเครื่องบินพาณิชย์อีก 18 ลำไปยังอัฟกานิสถานเพื่ออพยพผู้คนเพิ่ม โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยื่นคำขาดว่า 31 ส.ค.จะเป็นวันสุดท้ายที่ทหารอเมริกันจะอยู่ในอัฟกานิสถาน
ขณะที่อีกหลายประเทศพยายามยืดระยะเวลาออกไปเพื่อทำการช่วยเหลืออพยพพลเมืองของตนและพลเมืองอัฟกันที่เคยทำงานให้กับองค์กรนานาชาติจากชาติตะวันตกออกจากประเทศอย่างปลอดภัยให้ได้มากที่สุด เพราะไม่มั่นใจว่ากลุ่มตาลิบันจะละเว้นโทษให้กับประชาชนกลุ่มนี้ตามที่ให้คำมั่นสัญญาจริงหรือไม่