ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคันดินกั้นอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ถูกมวลน้ำซัดพังทลายเป็นความกว้างประมาณ 10 เมตร เนื่องจากปริมาณน้ำภายในอ่างมีมากจนเกินความจุ ก่อนที่คันดินจะพังทลาย อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 151% จากความจุอ่างทั้งหมดที่ 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) เป็นอ่างเก็บน้ำที่รับน้ำมาจากพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
โดยที่ชลประทานจังหวัดนครราชสีมา ได้แจ้งว่าเนื่องปริมาณน้ำจากพื้นที่อำเภอด่านขุนทดได้ไหลลงมายังอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร (ตอนล่าง) มีปริมาณมากจนเกินกว่าที่อ่างจะรับไหว ทำให้มวลน้ำได้กัดเซาะคันดินผนังกันน้ำจนพังลง ซึ่งเป็นการจงใจเพิ่มช่องระบายน้ำ ยืนยันไม่ใช่เขื่อนแตก ตอนนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ โดยพยายามปรับสมดุลน้ำให้เข้าออกเท่ากัน จึงต้องมีการเพิ่มช่องทางการระบายน้ำ โดยอนาคตมีแนวโน้มที่อาจเพิ่มช่องระบายน้ำอีก แต่ไม่ใช่เขื่อนแตก โดยมวลน้ำได้ไหลลงไปพื้นที่ด้านล่าง นอกจากนี้ มวลน้ำบางส่วนยังล้นออกทางสปิลเวย์ประตูระบายน้ำฉุกเฉินของอ่างด้วย
ซึ่งเช้าวันนี้ทางชาวบ้านในพื้นที่ได้แห่กันออกไปดูการระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรกันเป็นจำนวนมาก โดยที่ชาวบ้านหลายรายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การระบายน้ำออกในแบบที่ไม่สามารถควบคุมการหยุดระบายได้ รวมถึงการที่พนังกั้นน้ำได้พังขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆเช่นนี้ ชาวบ้านเรียกกันว่าอ่างแตก ซึ่งถ้าหากอยู่ในแผนการระบายน้ำก็น่าจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำให้เตรียมความพร้อมแล้วให้เริ่มอพยพไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยดำเนินการระบายน้ำ