ชาวเลหลีเป๊ะ แสดงพลังระดมเรือ 38 ลำ ปิดเกาะรับคณะทำเนียบรัฐบาล เผยหากการแก้ปัญหาไม่คืบ 15 ม.ค. เตรียมบุกกรุงแสดงพลัง ชี้ควรนำผลตรวจสอบชุดก่อนมาปฎิบัติ
วันที่ 15 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายธัชชญาณ์ณัช เจียรธนัทกานนท์ เลขานุการ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ช่วยปลัดสานักนายกรัฐมนตรี นายธนพร ศรียากูล คณะทำงานสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (สบนร.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และผู้แทนสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน รวมทั้งผู้แทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) ได้ลงพื้นที่ตรวจหาข้อมูล ข้อเท็จจริงกรณีข้อพิพาทเส้นทางสัญจร สาธารณประโยชน์ชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
ทั้งนี้ระหว่างนั่งเรือก่อนที่คณะของนายธัชชญาณ์ณัช จะถึงเกาะหลีเป๊ะ ชาวเล-อูรักลาโว้ย นำขบวนเรือประมงพื้นบ้าน 38 ลำ ติดป้ายด้วยข้อความต่างๆ เช่น ให้เวลานายอนุชา 20 วัน หากแก้ไม่สำเร็จจะไปทำเนียบ ,ถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาหลีเป๊ะจะลุกเป็นไฟ ,ปิดเกาะคืนความเป็นธรรมให้ชาวเล ,อดีตคือสวรรค์ปัจจุบันคือนรก แล่นวนรอบเกาะเพื่อสะท้อนภาพความเดือดร้อนและเร่งรัดให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา โดยก่อนหน้านี้เคยมีข้อเสนอให้นำเรือประมงปิดเกาะหลีเป๊ะจนกว่ารัฐบาลจะหันมาแก้ปัญหาอย่างจริงจังซึ่งวิธีการดังกล่าวเคยดำเนินการอย่างได้ผลมาครั้งหนึ่งแล้วในอดีต
เมื่อคณะเดินทางไปถึงได้หารือกับชาวบ้านนับร้อยคนที่มารอรับโดยชาวเลเล่าถึงสภาพปัญหาและข้อเสนอต่างๆ โดยเฉพาะการขอให้เปิดเส้นทางดั้งเดิมเหมือนในอดีตและการตรวจสอบกรรมสิทธิในที่ดินซึ่งคณะกรรมการของสำนักนายกรัฐมนตรีชุดที่มี พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน ได้ตรวจสอบไว้หมดแล้ว จึงอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการต่อ ขณะที่ นายธัชชญาณ์ณัช แจ้งว่าในวันที่ 15 ธ.ค. นายอนุชาจะเดินทางมารับฟังปัญหาชาวบ้านบนเกาะหลีเป๊ะด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นชาวบ้านพาคณะของนายธัชชญาณ์ณัช สำรวจข้อเท็จจริงบริเวณเส้นทางดั้งเดิมสู่ทะเลที่เอกชนก่อสร้างรั้วปิดและบริเวณประตูโรงเรียนบ้านอาดังที่ถูกสร้างรั้วเหล็กกั้น โดยเด็กนักเรียนได้สาธิตการเดินเข้าโรงเรียนที่ต้องปีนข้ามรั้ว และมอบนกกระดาษให้คณะ นอกจากนี้เลขานุการรัฐมนตรีฯยังได้เดินดูคูคลองธรรมชาติที่ถูกถมดินจนทำให้เกิดน้ำท่วมขังบนเกาะหลีเป๊ะเมื่อถึงฤดูฝน
นอกจากนี้ชาวเลได้ร่วมกันยื่นหนังสือถึงนายอนุชาเพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาโดยมีเนื้อหาสรุปว่า ชาวเลอูรักลาโว้ยเกาะหลีเป๊ะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนอย่างรุนแรงจากกรณีการซื้อขายที่ดินของผู้ที่ครอบครองเอกสาร น.ส.3 เลขที่ 11 ดังนั้นเพื่อดำรงความเป็นธรรม ป้องกันการละเมิดสิทธิชุมชนดั้งเดิมและเพื่อเป็นการป้องกันความขัดแย้ง ลดความรุนแรง และคุ้มครองชุมชนดั้งเดิมจึงมีข้อเสนอดังนี้
1.ให้รัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ทางสาธารณะ และเร่งการสอบสวนเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินหรือเส้นทางสาธารณประโยชน์
2.ขอให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานชุดเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบ โดยมีองค์ประกอบที่มาจากกรรมการที่เคยดำเนินการ เช่น DSI หากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชน ขอให้รัฐบาลดำเนินการลงโทษทางวินัยและอาญาจนถึงที่สุด ตลอดจนเร่งรัดการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบ
3.จากกรณีปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์บนเกาะหลีเป๊ะดังกล่าว น่าเชื่อว่ามีผู้มีอิทธิพล ขบวนการค้ามนุษย์ และการฟอกเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงขอให้รัฐบาลสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามผู้มีอิทธิพลในเกาะหลีเป๊ะอย่างจริงจัง พร้อมดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องและให้การสนับสนุนในกระบวนการออกเอกสารสิทธิ์ ดังกล่าว หากพบว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องขอให้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อไป
4.ขอให้รัฐบาลสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมเข้าให้ความช่วยเหลือ ทั้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กองทุนยุติธรรม และDSI 5.ขอให้อำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ทับทางสาธารณะ ตาม ม.61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
“ชาวเลเกาะหลีเป๊ะจะรอความคืบหน้าใน 30 วัน หากไม่มีผลความคืบหน้าในการแก้ปัญหาแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ชาวเลจะไปพบนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 15 มกราคม 2566 และรอจนกว่าจะแก้ปัญหาแล้วเสร็จ”ในหนังสือระบุ
ขณะที่ นายธัชชญาณ์ณัช ให้สัมภาษณ์ว่า จะขอความร่วมมือจากคู่พิพาทว่ามีปัญหาเกิดขึ้น เพราะทั้งนักเรียน ประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจต่างประสบปัญหาจากการปิดถนน โดยจะแจ้งไปยังคู่พิพาทให้มาประชุมกันในวันที่ 15 ธันวาคม ซึ่งนายอนุชาจะเดินทางมาลงพื้นที่ โดยหลังจากวันนี้จะแบ่งปัญหา เช่น เรื่องการทำถนนนต้องเร่งแก้ไข และเรื่องเอกสารสิทธิ์ต่างๆ ที่ต้องตรวจสอบ นอกจากนี้ในการพัฒนาระยะยาวต้องมีการวางแผนเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวหลีเป๊ะกันจำนวนมาก
“ที่ดินแปลงที่กำลังเป็นปัญหาเราก็กำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนเรื่องที่กำลังมีการดำเนินการฟ้องร้องชาวบ้านนั้น ต้องขอดูข้อมูลก่อน ตรงไหนที่พอจะคุยกันได้ เพื่อให้ชุมชนจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขก็ต้องคุยกัน เราจะติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง”เลขานุการรัฐมนตรี กล่าว
นางแสงโสม หาญทะเล ชาวเลเกาะหลีเป๊ะกล่าวว่า ปัญหาเร่งด่วนที่ชาวเลต้องการให้แก้ไขคืออยากให้ผู้มีอำนาจสั่งระงับการก่อสร้างที่ปิดเส้นทางดั้งเดิมที่ชาวบ้านใช้และต้องการเปิดเส้นทางที่เด็กนักเรียนใช้เดินไปโรงเรียน ส่วนระยะกลางคือให้ตรวจสอบเส้นทางและร่องน้ำว่ามีการออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ และระยะยาวให้วางผังเกาะหลีเป๊ะทั้งระบบเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ
“การที่เลขารัฐมนตรีมาลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะในวันนี้น่าจะเป็นบันไดขึ้นที่ 1 และในวันพรุ่งนี้นายอนุชามาลงก็น่าจะเป็นบันไดขั้นที่ 2 เดิมท่านจะมาประชุมแค่ที่ศาลากลางสตูล แต่ท่านเปลี่ยนใจมาลงพื้นที่หลีเป๊ะด้วย ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งและคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีทั้งชาวเลและผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานรัฐได้อยู่อย่างสามัคคีและสงบสุข”นางแสงโสมกล่าว
นางแสงโสมกล่าวถึงกรณีที่การประชุมในวันที่ 15 ซึ่งจะมีการเชิญคู่พิพาทมาร่วมหารือว่า ชาวเลพร้อมพูดคุยเจรจาแต่ควรมีส่วนกลางที่มีอำนาจตัดสินใจมาเป็นประธานในแก้ไขปัญหา เชื่อว่าหากหันหน้าร่วมกันแก้ไขปัญหาก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี ที่ผ่านมาชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะไม่ค่อยได้ติดต่อสื่อสารหรือได้รับความสนใจ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมาดูทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แต่ไม่รู้ว่าชาวอูรักลาโว้ยที่นี่เป็นผู้บุกเบิก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้บุกรุกจึงเป็นเรื่องน่าช้ำใจ เราขอแค่เพียงให้ได้อยู่ในประเทศไทยอย่างสงบสุข