ชาวเลหลีเป๊ะ เตรียมบุกทำเนียบ พนมมือท่วมหัว วอนนายก-อนุชา เร่งแก้ความเดือดร้อน พ้อตอนนี้ไม่มีที่จะไปแล้ว ร้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ธ.ค.65 นักเรียนโรงเรียนบ้านอาดัง และชาวเลอูรักลาโว้ยบนเกาะหลีเป๊ะ รวมตัวชุมนุมกันบริเวณชายหาดหน้าโรงเรียน โดยถือป้ายที่ระบุข้อความต่างๆ เช่น หยุดการสร้างรั้วกั้นถนนดั้งเดิมที่เด็กๆใช้เดินมาโรงเรียน ขอให้รัฐบาลตรวจสอบเอกสารสิทธิที่รุกที่อยู่อาศัยของชาวเล
ทั้งนี้ นางละออง หาญทะเล และ น.ส.รำพึง หาญทะเล กล่าวว่า การสร้างรั้วปิดเส้นทางทำให้เด็กๆไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ชาวบ้านจะเดินมาลงเรือไปทำมาหากินก็ไม่ได้ อยากให้รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีช่วยสั่งการให้มีการตรวจสอบที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะเพราะตอนนี้พวกตนเดือดร้อนมาก
- สะท้อนปัญหา ‘ชาวเล’ ในวันที่นายทุนรุกไล่ ‘หลีเป๊ะ’ วิกฤต โดนปิดทางเข้าโรงเรียน
“ทั้งเส้นทางสาธารณประโยชน์ คูคลองต่างๆที่เคยใช้ร่วมกันมา ตอนนี้ถูกบุกรุกจนทำให้เกิดน้ำท่วมเกาะทุกปี ปู่ย่าตายายของพวกเราเป็นผู้บุกเบิก แต่กลับบอกว่าเราเป็นผู้บุกรุก อยากให้รัฐบาลช่วยชาวบ้านด้วย เพราะชาวเลเกาะหลีเป๊ะไม่มีที่จะไปแล้ว” ตัวแทนชาวเล กล่าว
ในช่วงสุดท้ายชาวเลทั้งหมดได้พร้อมใจกันยกมือไหว้เหนือศีรษะพร้อมกับตะโกนว่า “ขอให้นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลช่วยพวกเราด้วย”
ขณะที่ นายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ และ นางพิชญา แก้วขาว ผู้แทนมูลนิธิชุมชนไท ที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของชาวเล
นางพิชญา กล่าวว่า ชาวบ้านพยายามวางสิ่งกีดขวางเพื่อไม่ให้นายทุนก่อสร้างรั้วปิดเส้นทางดั้งเดิมที่ชาวเลใช้กันอยู่โดยเส้นทางนี้มีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่องทางเดียวที่ใช้ลงเรือเพื่อทำมาหากินโดยเฉพาะในช่วงฤดูมรสุม ชาวเลต้องลงมาดูเรือเสมอเพราะเป็นห่วงว่าจะจม ซึ่งตอนนี้มีเรืออยู่ราว 250 ลำและที่จอดเรือบริเวณหาดอื่นก็ใช้ไม่ได้แล้วนอกจากบริเวณหน้าโรงเรียน ดังนั้นในเช้าวันเดียวกันชาวบ้านจึงมารวมตัวกัน
นางพิชญา กล่าวถึงปัญหาเร่งด่วนว่า จังหวัดสตูลควรต้องมาจัดการไม่ให้คนที่อ้างกรรมสิทธิปิดกั้นเส้นทางอย่างถาวร และควรเข้ามาดูปัญหาอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องด้วย เช่น ที่ดินแปลงดังกล่าวมีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องอยู่แล้ว แต่กลับมาปิดเส้นทางหลักเข้า-ออกของชาวเลซึ่งจนถึงขณะนี้ในระดับจังหวัดยังไม่มีผู้ว่าฯมาลงพื้นที่เลย ทำให้ชาวบ้านรออยู่ มีเพียงปลัดอำเภอส่วนหน้าคอยประสานเท่านั้น
ชาวบ้านอยากให้มีการตรวจสอบเอกสารให้ชัดเจนว่าถูกต้องหรือไม่เพราะเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้เดินมา 3-4 รุ่นแล้ว อย่างไรก็ตามการปิดเส้นทางเป็นเพียงเรื่องเดียว แต่ยังมีปัญหาอื่นอีกมากที่ต้องแก้ไขทั้งระบบโดยเฉพาะการตรวจสอบเอกสารสิทธิทั้งเกาะ
“ตอนนี้ครูในโรงเรียนต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่อ้างสิทธิในเส้นทางเดิน จริงๆน่าจะมีผู้ใหญ่ของกระทรวงศึกษาลงมาดูแลด้วย อย่าปล่อยให้ครูและนักเรียนสู้กันอย่างโดดเดี่ยว วันนี้ชุมชนได้ร่วมกันปกป้องเส้นทางแล้ว ดังนั้นนโยบายรัฐและกรรมการทุกชุดต้องรีบเร่งแก้ปัญหา เพราะเกาะหลีเป๊ะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก แต่พอเหยียบมาบนเกาะ หลายคนบอกว่ามันคือนรกหรือเปล่าเพราะถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่มีระบบสาธารณูปโภค ถมที่ดินกันจนน้ำท่วมขัง จึงเป็นเรื่องนโยบายที่ต้องลงมาแก้ไขเพื่อรักษาหลีเป๊ะเอาไว้ เพื่อให้ชาวเลมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย”นางพิชญากล่าว
นายจำนงค์ กล่าวว่า ชาวเลต้องการความเป็นธรรมในเรื่องการตรวจสอบเอกสารสิทธิในที่ดินและเตรียมการเดินทางไปยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรี และ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงดูแลชาติพันธุ์ โดยที่จริงแล้วการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินบนเกาะหลีเป๊ะได้มีหน่วยงานราชการเข้ามาตรวจสอบ 2-3 ชุดแล้ว เพียงแต่ต้องนำเอามาใช้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่าย หากออกเอกสารสิทธิผิดพลาดก็ต้องแก้ไข
“หากปัญหาใหญ่เกินอำนาจของผู้ว่าฯ ท่านก็สามารถรวบรวมข้อมูลเสนอไปยังข้างบนได้ แต่คงต้องเร่งด่วนเพราะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้นโดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว แต่ชาวเลจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องเพราะเรือของพวกเขาจอดอยู่ในบริเวณนี้ ไม่มีทางอื่นนอกจากเส้นทางนี้มาลงเรือ ส่วนปัญหาเรื่องเครื่องมือประมง หรือเรื่องเส้นทางเดินมาโรงเรียนของเด็กนักเรียน ผู้ว่าฯสามารถจัดการได้เลย”นายจำนงค์กล่าว
นายจำนงค์กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้โอกาสนี้เข้ามาแก้ปัญหาชุมชนเพี่อทำให้เห็นว่ากำลังสร้างการเมืองใหม่ที่รับใช้ประชาชนและคนยากจนจริงๆโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง