ช่วงนี้มีข่าวที่ร้อนแรงที่สุดในวงการเกษตรของไทยเกี่ยวกับการจัดการ ปลาหมอคางดำ ซึ่งเป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ที่กำลังแพร่พันธุ์อย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์อย่างรุนแรง เบื้องต้นมีการรณรงค์ให้คนไทยบริโภคปลาหมอคางดำเพื่อลดการแพร่พันธุ์ ขณะเดียวกันนักวิชาการบางคนได้เสนอใช้ ไซยาไนด์ เป็นทางเลือกสุดท้ายในการกำจัด แต่ก็ถูกคัดค้านเนื่องจากวิธีนี้อาจมีความรุนแรงเกินไปและอาจทำให้แหล่งน้ำ และสินค้าเกษตรกรรมปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนได้
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 ในงานเสวนาหายนะสิ่งแวดล้อมกรณี ปลาหมอคางดำเอเลี่ยนสปีชีส์ มีนักวิชาการหลายคนเข้าร่วมงาน หนึ่งในนั้นคือนางบุญยืน ประธานสภาองค์กรผู้บริโภค และชาวประมงจากจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ปัญหาปลาหมอคางดำมีมานานหลายปี แต่ไม่มีใครให้ความสนใจ จนกระทั่งระบาดเข้ากรุงเทพฯ ถึงเริ่มมีการตระหนักถึงปัญหา นางบุญยืนกล่าวว่า คนที่ต้องรับผิดชอบคือผู้มีอำนาจรัฐที่ยอมเซ็นอนุญาตให้นำเข้าปลาหมอคางดำ
- ชาวเน็ตว่าไง? อ.แม่โจ้ เสนอไอเดีย กำจัด ปลาหมอคางดำ ด้วยไซยาไนด์
- กรมราชทัณฑ์ เปลี่ยนเมนู! ปลาหมอคางดำ ขึ้นโต๊ะนักโทษ ได้ลิ้มลอง
- กรมประมง โต้กลับ ไข่ปลาหมอคางดำ ไม่ทนต่อแดด ตามที่มีกระแส
“ถ้าเป็นชาวประมงลำเล็ก ๆ นำปลาเข้ามา เจ้าหน้าที่ประมงคงจะจับกุมและยึดเรือของเขาจนหมดตัว แต่กับรายใหญ่ ๆ กล้าทำไหม? กระทรวงเกษตรเป็นกระทรวงที่เราไม่อยากเข้าไปเลย เราไม่ชอบขี้หน้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เลย ตอนนี้เอาเงินการยางมารองบกลาง แล้วเอางบภาษีของประชาชนมาจ่าย ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้น ใครที่ทำผิดต้องถูกลงโทษ คนแรกที่ต้องถูกลงโทษคืออธิบดีกรมประมง ต้องยึดทรัพย์เพราะใช้อำนาจรัฐในการอนุญาตให้นำเข้า แล้วอย่ามาเถียงว่าไม่มีคลิป ถ้าไม่มีคลิปก็ลงไปตรวจสอบเอง แล้วทำไมยังมีการเลี้ยงปลาหมอคางดำในปี 2560 ทั้งที่บอกว่าทำลายตั้งแต่ปี 2553”
นางบุญยืนยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเบื่อกับคนที่ออกมาบอกว่าปลาหมอคางดำกินได้ “คิดว่าตนโง่เหรอ? ตนเป็นชาวประมง ปลานี้มันโตช้า กระดูกแข็งมาก และไม่อร่อย พอเห็นใครออกทีวีบอกว่ากินได้ อยากจะกระโดดถีบ รู้แล้วว่ามันกินได้”
ทั้งนี้ ชาวเน็ตต่างตีความประโยคที่เซ็นเซอร์ด้วย XXXX ว่านางบุญยืนพูดว่าอะไร ซึ่งหลายคนที่อ่านปากออกก็ระบุว่า “งบกลางเนี่ย งบพ่องบแม่มึงเหรอ มันภาษีกู”