ชาวกะเหรี่ยง ลุ่มน้ำสาละวิน สร้างสถานพยาบาล ช่วยผู้หนีภัย-แบ่งเบาภาระ รพ.ไทย

Home » ชาวกะเหรี่ยง ลุ่มน้ำสาละวิน สร้างสถานพยาบาล ช่วยผู้หนีภัย-แบ่งเบาภาระ รพ.ไทย


ชาวกะเหรี่ยง ลุ่มน้ำสาละวิน สร้างสถานพยาบาล ช่วยผู้หนีภัย-แบ่งเบาภาระ รพ.ไทย

ชาวกะเหรี่ยง ลุ่มน้ำสาละวิน สร้างสถานพยาบาล ช่วยผู้หนีภัย-แบ่งเบาภาระ รพ.ชายแดนไทย ผู้ว่าฯ มือตรอ คาดผู้อพยพไม่ทะลักไทยเหมือนปีก่อน

วันที่ 10 มี.ค.65 ที่บริเวณริมแม่น้ำสาละวิน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านลุ่มแม่น้ำสาละวินกว่า 100 คน เดินทางมาร่วมเปิดสถานพยาบาลอุเมท่า โดยมี นายซอเทนเดอร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมือตรอ ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) เป็นประธาน

ทั้งนี้ สถานพยาบาลอุเมท่า ถือว่าเป็นสถานพยายาลแห่งแรกริมแม่น้ำสาละวินในรัฐกะเหรี่ยง โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินบริจาคจากชาวกะเหรี่ยงจากพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางไปอยู่ในประเทศที่ 3 ที่ทราบปัญหาความยากลำบากของชาวบ้านลุ่มแม่น้ำสาละวินที่ได้รับผลกระทบจากการบุกโจมตีของกองทัพพม่าเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้มีทหารและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมากและต้องอพยพหนีตายมอาศัยอยู่ริมแม่น้ำสาละวินหลายพันคน และหลบอยู่ในป่าอีกนับหมื่นคน

โดยที่ผ่านมาหากเป็นการเจ็บป่วยหนักหรือบาดเจ็บรุนแรง จะต้องลงเรือไปที่บ้านแม่สามแลบและถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่สะเรียง แม้รัฐบาลไทยจะให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแต่กลับต้องประสบความลำบากจากการเดินทาง และท่ามการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การส่งตัวผู้ป่วยยิ่งเป็นไปได้ยาก ดังนั้นชาวกะเหรี่ยงจึงได้รวมกันสร้างสถานพยาบาลแห่งนี้

นายหนี่เล เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าสถานพยาบาลแห่งนี้จะสามารถแบ่งเบาภาระผู้ป่วยที่อาการหนักและต้องข้ามไปรักษาที่ฝั่งไทยได้ถึง 50% หากมีการพัฒนาเครื่องไม้เครื่องมือและมีห้องผ่าตัดที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีอาคารสำหรับผู้หญิงตั้วครรภ์เพื่อคลอดบุตร

เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีอาการตกเลือดทำให้ลูกพิการหรือเสียชีวิตเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลด้านโภชนาการเพราะต้องหลบซ่อนตัวจากการโจมตีของทหารพม่า ส่วนผู้ป่วยทั่วไปอาการที่พบมากสำหรับชาวบ้านคือไข้ป่าและไข้มาลาเรีย โรคนิ่วซึ่งเกิดจากการกินน้ำที่ไม่สะอาด

“ทารกที่เสียชีวิตเพราะถูกสายสะดือพันก็เยอะ บางส่วนมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เติบโตไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้กินนม” นายหนี่เล กล่าว

ด้าน ซอเทนเดอร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมือตรอ กล่าวถึงสถานการณ์การสู้รบว่า กองทัพพม่าพยายามส่งทหารเข้ามาในรัฐกะเหรี่ยงโดยเฉพาะในจังหวัดมือตรอจำนวนมากเพราะต้องการควบคุมพื้นที่เป้าหมายให้ได้ทั้งหมด ซึ่งในช่วงตอนเย็นมักยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตชุมชน แต่ถูกสกัดจากทหารกะเหรี่ยง KNU

ทั้งนี้ทหารพม่าต้องการสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเพื่อไม่ให้ออกไปทำมาหากิน ไม่กล้าไปทำไร่ทำสวน และทหารพม่าจะได้ฉวยโอกาสเข้าพื้นที่และลำเลียงเสบียงส่งไปยังฐานทหารในจุดต่างๆ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้

“เขาพยายามทำทุกทางให้ประชาชนรู้สึกกลัว เช่น ส่งเครื่องบินมาลาดตระเวน ส่งโดรนมาสอดแนม แต่เราเชื่อว่าเขายังไม่บุกเหมือนปีที่แล้ว เพราะมีกำลังพลไม่เพียงพอ และไม่กล้าเปิดศึกรอบด้าน” ผู้ว่าราชการฯกล่าว

เมื่อถามว่าคาดว่าจะมีชาวบ้านหนีภัยการสู้รบครั้งใหญ่มาริมแม่น้ำสาละวินเหมือนปีก่อนหรือไม่ นายซอเทนเดอร์กล่าวว่า การอพยพในลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีสถานการณ์วิกฤตจริงๆ แต่ในปีนี้อาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะได้มีการซักซ้อมแผนการหลบภัยให้ชาวบ้านไว้แล้ว แต่ปีก่อนเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน และเชื่อว่าหากกองทัพพม่าไม่สามารถลำเลียงเสบียงมาส่งให้ฐานทหารของเขาได้ ก็คงไม่กล้าเปิดศึกใหญ่เพราะอาหารไม่เพียงพอ

“ผมเชื่อว่าเมืองมือตรอจะเป็นจุดสุดท้ายที่ทหารพม่าจะเข้ามาโจมตีใหญ่ เพราะขณะนี้เขาต้องไปรบที่อื่นก่อน และบริเวณนี้ก็ติดกับชายแดนไทย” ผู้ว่าฯ กล่าว

ขณะที่ พล.ท.เนอดา เมียะ อดีตผู้บัญชาการกองทัพพิทักษ์กะเหรี่ยงแห่งชาติ KNDO(Karen National Defence Oganization) บุตรชายนายพลโบเมียะ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพิธีเปิดสถานพยาบาล ว่าการสร้างสถานพยายานจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้เป็นความร่วมมือที่น่านับถือ หากชาวกะเหรี่ยงช่วยดูแลกันและกันเช่นนี้ก็จะสามารถปกป้องจากศัตรูได้ โดยมีตัวอย่างกรณีที่รัสเซียบุกยูเครน ซึ่งเดิมทีต่างคิดว่าภายใน 3-4 วันรัสเซียจะสามารถทำลายยูเครนได้ แต่ผ่านมานับสัปดาห์ก็ยังทำลายไม่ได้เพราะชาวยูเครนต่างร่วมมือกันปกป้องบ้านเมือง

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ