หากลองย้อนรำลึกเหตุการณ์ที่อื้อฉาวของพรีเมียร์ลีกช่วง 10 ปีหลัง หนึ่งในนั้นต้องมีจังหวะหัวร้อนของ เอเด็น อาซาร์ ที่เตะเต็มข้อใส่เด็กเก็บบอลของสวอนซี จนถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม
เด็กเก็บบอลผู้โชคร้ายรายนั้น มีชื่อว่า ชาร์ลี มอร์แกน ที่เดี๋ยวนี้นอกจากจะไม่ซวยเหมือนเมื่อก่อน ยังร่ำรวยมีเงินทอง ตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น
เพราะตอนนี้ ชาร์ลี มอร์แกน ไม่ใช่เด็กเก็บบอลของทัพหงส์ขาว แต่กลายเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง AuVodka แบรนด์วอดก้าระดับพรีเมียม ที่ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในสหราชอาณาจักร
เด็กเก็บบอลสุดห่ามในวันนั้น กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ? เรื่องราวนี้จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของ ชาร์ลี มอร์แกน เด็กเก็บบอลในตำนานที่ทุกคนไม่มีวันลืม
เด็กเก็บบอลในตำนาน
ย้อนกลับไปวันที่ 23 มกราคม ปี 2013 เจ้าหนู ชาร์ลี มอร์แกน ที่ขณะนั้นอายุ 17 ปี ตกเป็นข่าวดังทั่วโลก หลังเจ้าตัวที่กำลังรับจ๊อบเป็นเด็กเก็บบอลให้กับสโมสรสวอนซี ถูก เอเด็น อาซาร์ กองกลางชื่อดังของทีมเชลซี เตะเข้าไปที่บริเวณหน้าท้อง ในเกมแคปิตอลวันคัพ รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ซึ่งการแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 0-0
จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นนาทีที่ 80 ของเกม เมื่อเชลซีที่ตามหลังด้วยสกอร์รวม 0-2 กำลังเร่งเวลาเพื่อทวงประตูคืน อาซาร์จึงหวังจะนำลูกบอลที่ออกหลัง กลับมาเริ่มเล่นใหม่ให้เร็วที่สุด แต่บอลเจ้ากรรมดันตกอยู่ในมือของเด็กแสบอย่างชาร์ลี ที่ไม่ยอมคืนบอลให้อาซาร์สักที แข้งชาวเบลเยี่ยมซึ่งกำลังหงุดหงิด จึงเตะชาร์ลีที่กำลังนอนกอดบอลเข้าไปเต็มท้อง
เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เอเด็น อาซาร์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากพฤติกรรมที่ขาดความยั้งคิด เขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม และติดโทษแบน 3 นัด ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาขอโทษต่อการกระทำของตัวเองในภายหลัง
สวนทางกัน เจ้าหนู ชาร์ลี มอร์แกน กลับดังเป็นพลุแตกหลังโดนเตะ เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอล และคนดังในโลกอินเตอร์เน็ต เนื่องจากความใจสู้ของเขาที่ไม่ยอมคืนบอลให้อาซาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแพชชั่นแบบดั้งเดิมของอังกฤษ ที่แฟนบอลมักจะทำอะไรห่ามๆแบบนี้เป็นประจำ
ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ยอดผู้ติดตามทวิตเตอร์ของชาร์ลีเพิ่มสูงเกิน 1 แสนบัญชี คิดเป็นอัตราการเติบโต 15,000 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่า หากเปลี่ยนยอดผู้ติดตามเป็นเงินจริง เจ้าหนูชาร์ลีคงกลายเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน
“ราชาของเด็กเก็บบอลกลับมาอีกครั้ง เพื่อปรากฎตัวครั้งสุดท้าย” ทวิตแรกของชาร์ลีหลังถูกอาซาร์เตะ ที่มีคนแสดงความเห็นมากกว่า 3 หมื่นครั้ง
หลังจากแสดงตัวตนว่าพร้อมออกสื่อ ชาร์ลี มอร์แกน เดินทางทั่วประเทศเพื่อให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ชื่อดังหลายเจ้า แต่หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของเขาก็เริ่มหายไปจากวงการฟุตบอลอังกฤษ ยอดผู้ติดตามในทวิตเตอร์ลดลงเหลือแค่ประมาณ 3 หมื่นคน และที่สำคัญ ชาร์ลีไม่ปรากฎตัวที่สนามลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ในฐานะเด็กเก็บบอลอีกเลย นับแต่นั้น
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ …
จากทายาท สู่เจ้าของธุรกิจ
พฤติกรรมสุดห่ามของ ชาร์ลี มอร์แกน ที่แสดงออกในสนามฟุตบอล อาจทำให้ใครหลายคนคาดเดาว่า ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าหนูชาร์ลี ต้องเป็นเด็กประเภทหัวโจก หรือเป็นสมาชิกของแก๊งแฟนบอลฮาร์ดคอร์อะไรทำนองนั้น
แต่ความจริงแล้ว ชาร์ลี มอร์แกน ไม่ใช่คนที่มีภูมิหลังแบบนั้นเลย เพราะเด็กเก็บบอลในตำนานคนนี้ คือทายาทของมาร์ติน มอร์แกน อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรสวอนซี และเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร
ชาร์ลี มอร์แกน จึงไม่ใช่เด็กกะโปโลข้างถนน แต่เป็นลูกชายนักธุรกิจที่คาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่เกิด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาร์ลี จะให้ความสนใจในเรื่องของธุรกิจเหมือนกับคนในครอบครัว โดยในตอนที่เขาตกเป็นข่าวหลังถูกอาซาร์เตะ มอร์แกนในวัย 17 ปี กำลังเรียนหลักสูตร A-Level หรือหลักสูตรที่ผู้เรียนกำหนดเอง เพื่อเตรียมพร้อมกับเนื้อหาในระดับมหาวิทยาลัย
ชาร์ลีจึงมีความรู้เรื่องบริหารธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย และด้วยต้นทุนจากครอบครัวที่มากกว่าคนอื่น เขาจึงจับมือกับเพื่อนซี้ที่มีรสนิยมเดียวกัน อย่าง แจ็คสัน ควินน์ เพื่อลองมองหาธุรกิจอะไรสักอย่างที่เขากับไลฟ์สไตล์อันหรูหราของพวกเขา
“ผมและแจ็คสันเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่สมัยมัธยมฯ และพวกเราสนใจเรื่องของธุรกิจเหมือนกัน” ชาร์ลี ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น WalesOnline
“ตอนนั้นพวกเราอายุราว 18-20 ปี และในวันเกิดของพวกเรา รวมถึงเพื่อนคนอื่นของเราในแต่ละปี จะได้ของขวัญเป็นวอดก้ายี่ห้อเดิมเสมอ พวกเราเริ่มจะเบื่อกับมัน และรู้สึกว่า เราน่าจะทำว็อดก้าที่มีคุณภาพกว่านี้ได้”
จุดประกายความคิดที่เกิดขึ้นในงานวันเกิด ส่งผลให้ชาร์ลีในวัย 19 ปี เริ่มต้นธุรกิจวอดก้าของตัวเองขึ้นมา ในชื่อ “Au Vodka” โดยเริ่มต้นวางขายตามร้านค้าท้องถิ่นในเมืองสวอนซี และสินค้าก็ผลิตออกมาเป็นจำนวนจำกัดแค่ 2,000 ขวด
โชคดีของชาร์ลีที่ความโด่งดังจากฐานะเด็กเก็บบอลในตำนาน มีส่วนเข้ามาช่วยโปรโมตวอดก้าของเขา เพราะทันทีที่ชาร์ลีเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Au Vodka ผ่านทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว ผู้คนต่างพากันให้ความสนใจในตัวสินค้า จนวอดก้าล็อตแรกของชาร์ลีขายหมดอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแค่นั้น เนื่องจากเป้าหมายของแบรนด์ที่วางตัวเป็นสินค้าหรูหรา ส่งผลให้ Au Vodka ไปเข้าตา ชาร์ลี สล็อท (Charlie Sloth) ดีเจและโปรดิวเซอร์ชื่อดังในวงการฮิปฮอปอังกฤษ ที่เจ้าตัวถูกใจสินค้าตัวนี้มาก จนกระโดดลงมาเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจวอดก้าของอดีตเด็กเก็บบอลแห่งสวอนซี ซิตี้
ธุรกิจของ Au Vodka จึงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมในหมู่เซเลบริตี้ของสหราชอาณาจักร โดยแร็ปเปอร์อย่าง Headie One, Chip และ Nines ต่างประกาศว่าพวกเขาคือแฟนคลับของ Au Vodka แต่ที่สุดของความป๊อบ คงหนีไม่พ้น ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ที่ถ่ายรูปเจ้าวอดก้าสีทองตัวนี้มาแล้ว
ยอดขายของ Au Vodka จึงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 ที่วิกฤติโควิด-19 โจมตีจนยอดขายของหลายธุรกิจลดฮวบ แต่เจ้าวอดก้าขวดสีทองยี่ห้อนี้ กลับทำยอดขายสูงถึง 1.7 ล้านขวด จนกลายเป็นวอดก้าระดับพรีเมี่ยมอันดับหนึ่งของ UK เป็นที่เรียบร้อย
“ยอดขายของแบรนด์ที่เติบโตขึ้น คืออะไรที่น่ามหัศจรรย์ ตอนนี้ผู้คนทั่วโลกต่างสนใจผลิตภัณฑ์ของเรา นี่ถือเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นมาก” ชาร์ลี มอร์แกน กล่าวถึงผลิตภัณฑ์วอดก้าของเขา
“พวกเราคิดว่าเราเริ่มต้นได้ไม่เลว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มันอาจกำลังบอกว่า เรามาได้ไกลกว่าที่เราเคยฝันกันเอาไว้”
ความภูมิใจแห่งสวอนซี
ปัจจุบัน Au Vodka กำลังเติบโตได้สวยในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรสชาติใหม่ ฟรุตพั้นช์ และ บลูราสเบอรี่ ซึ่งถือเป็นการตามหลังความสำเร็จของรสชาติองุ่นดำ ที่ทำยอดขาย 1 หมื่นขวด เมื่อปี 2019
Au Vodka ยังขยายตลาดสู่ยุโรปภาคพื้นทวีป และภูมิภาคอื่นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน, สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์, ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และ กาน่า ต่างก็มีเจ้าวอดก้าขวดสีทองตัวนี้วางจำหน่าย
ความโด่งดังของแบรนด์ Au Vodka ประเมินได้อย่างชัดเจนจากยอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมที่มากกว่าหนึ่งแสนบัญชี จึงอาจกล่าวได้ว่า แบรนด์ Au Vodka ในปัจจุบัน มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าผู้ก่อตั้งอย่าง ชาร์ลี มอร์แกน เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเราเข้าไปส่องทวิตเตอร์ของชาร์ลี (@CHARLIEM0RGAN) ก็คงต้องยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของเด็กเก็บบอลจอมห้าวแห่งสวอนซี ได้หายไปจนหมดเกลี้ยง ทุกวันนี้ ชาร์ลีเอาแต่รีทวีตคอนเทนต์จากบัญชีของ Au Vodka แถมยังภูมิใจผลิตภัณฑ์ของตัวเองมาก จนใส่ชื่อแบรนด์สินค้าไว้ในคำอธิบายโปร์ไฟล์ของเขา
มองจากภายนอก เราอาจรู้สึกว่า ชาร์ลี มอร์แกน ในวัย 25 ปี ไม่ใช่ ชาร์ลี มอร์แกน คนเดิมที่เคยนอนกอดลูกบอลไว้กับตัว จนยอมโดน เอเด็น อาซาร์ เตะแบบไม่ปราณี แต่หากลองอ่านบทสัมภาษณ์ของเขา จะรู้ว่าชาร์ลียังคงเป็นคนเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความภูมิใจในสวอนซี” ที่ยังคงไหลเวียนในตัวเขา
“ใครหลายคนมองว่าการเริ่มต้นธุรกิจในสวอนซี คือการเสียโอกาส ผู้คนต่างบอกว่าเมืองแห่งนี้เป็นเมืองขยะสำหรับธุรกิจ เพราะความสำเร็จต่างเริ่มต้นจาก ลอนดอน หรือ แมนเชสเตอร์ แต่พวกเรามองต่างออกไป” ชาร์ลี เปิดใจถึงธุรกิจของเขา
“ผมคิดว่าเมืองแห่งนี้ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ เพราะในเมืองใหญ่มันมีธุรกิจแข่งขันกันมาก แต่ที่สวอนซี เรามีโอกาสจะเติบโตมากกว่า เพราะนอกจากการแข่งขันจะไม่มาก ผู้คนในสวอนซีทุกคนรู้จักกันหมด และพวกเขาชอบที่จะช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่น”
“การเริ่มต้นธุรกิจจากสวอนซี และผลักดันทุกอย่างจากเมืองแห่งนี้ ช่วยเหลือพวกเรามากจริงๆ”
ชาร์ลี มอร์แกน ที่แฟนบอลทั่วโลกคุ้นตาในภาพเด็กเก็บบอลสุดห้าว ได้ลาจากเราไปแบบไม่มีวันกลับ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะความจริง ชาร์ลีอาจไม่ใช่แฟนบอลระดับเดนตายแบบที่คนเข้าใจ แต่ดันไปนั่งอยู่ข้างสนาม เพราะเป็นลูกชายเจ้าของสโมสร และอยากดูบอลคู่ใหญ่แบบใกล้ชิด
วันนี้ ชาร์ลี มอร์แกน จึงแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ในภาพลักษณ์นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของแบรนด์วอดก้าสุดหรู และสิ่งเดียวที่พอจะเชื่อมโยงภาพในอดีตกับปัจจุบัน คือความภูมิใจในบ้านเกิด “เมืองสวอนซี” ที่เขาแสดงออกมาผ่านธุรกิจส่วนตัว และสโมสรฟุตบอลประจำเมือง