ชายวัย 66 ดื่มชาแทนน้ำ ผ่านไป 6 เดือน ฟังสิ่งที่หมอบอกแล้วอึ้ง เข้าใจผิดมานาน

Home » ชายวัย 66 ดื่มชาแทนน้ำ ผ่านไป 6 เดือน ฟังสิ่งที่หมอบอกแล้วอึ้ง เข้าใจผิดมานาน
ชายวัย 66 ดื่มชาแทนน้ำ ผ่านไป 6 เดือน ฟังสิ่งที่หมอบอกแล้วอึ้ง เข้าใจผิดมานาน

ชายวัย 66 ปี ดื่มแต่ชา ไม่ดื่มน้ำเลย คิดว่าดีต่อสุขภาพ นานกว่า 6 เดือน ไป รพ. หมอบอกอีกมุม เข้าใจผิดมานาน 

เว็บไซต์ Sohu รายงานเรื่องราวของ คุณลุงอวี่ วัย 66 ปี ชายที่รักการดื่มชามาโดยตลอด บ้านของเขามีชาหลากชนิดเก็บไว้เต็มตู้ ไม่ว่าจะเป็นชาหลงจิ่ง, อู่หลง, หรือชาผู่เอ๋อร์ ทุกวันเขามักจะพกกาต้มน้ำชาไว้ข้างตัว และไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า

ทุกเช้าเมื่อคุณลุงอวี่ตื่นขึ้น เขาจะชงชาหม้อใหญ่ทันที หลังอาหารกลางวันก็ดื่มต่อ และหลังอาหารเย็นก็จะชงอีกหม้อ เขามักจะบอกว่าการดื่มชาเป็นการดูแลสุขภาพ ช่วยล้างพิษและทำให้จิตใจสงบ เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะดื่มน้ำเปล่าเลย

แต่หลังจากผ่านไป 6 เดือน คุณลุงอวี่เริ่มรู้สึกว่าร่างกายมีอะไรแปลกไป เริ่มแรกเขาแค่รู้สึกปากแห้ง แต่ไม่ว่าจะดื่มชามากแค่ไหนก็ยังไม่หายกระหาย ต่อมาเขาเริ่มปัสสาวะน้อยลง และสีของปัสสาวะก็เข้มขึ้นเรื่อย ๆ

ในที่สุดก็เริ่มมีอาการปวดหลังเล็กน้อย ภรรยาของเขาทนไม่ไหว จึงเร่งให้เขาไปโรงพยาบาลตรวจดู คุณลุงอวี่เองก็เริ่มรู้สึกว่ามีปัญหา จึงยอมเชื่อฟังและมาหาหมออวี๋ที่เขาคุ้นเคย

“คุณหมอครับ ผมดื่มแต่ชา ไม่ดื่มน้ำเลยมาตลอดครึ่งปี ไม่เห็นรู้สึกผิดปกติอะไรนี่ครับ ชาก็เป็นน้ำเหมือนกันใช่ไหมครับ ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยดีแล้ว?”

คุณลุงอวี่ นั่งอยู่ในห้องตรวจของโรงพยาบาลด้วยสีหน้าสับสน เขาใช้ไม้เท้าค้ำ พูดพร้อมกับก้มหน้าอย่างสงสัย

คุณหมออวี๋ฟังคุณลุงอวี่พูดจบ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามว่า “คุณลุงอวี่ครับ คุณลุงบอกว่าในครึ่งปีนี้แทบไม่ได้ดื่มน้ำเปล่าเลย ดื่มแต่ชาใช่ไหมครับ?”

คุณลุงอวี่ลูบหัวด้วยท่าทางงงงวยแล้วตอบว่า “ใช่ครับคุณหมอ ผมดื่มชาตลอดเลย คนอย่างผมชอบดื่มชาอยู่แล้ว รู้สึกว่าดื่มชาเป็นการดูแลสุขภาพ จะเป็นอะไรได้ล่ะครับ?”

คุณหมออวี๋ถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “คุณลุงอวี่ครับ ชาก็จริงอยู่เป็นสิ่งดี ๆ การดื่มชาเล็กน้อยมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ชาไม่สามารถทดแทนน้ำเปล่าได้นะครับ ที่คุณลุงดื่มแต่ชาไม่ดื่มน้ำเปล่ามาเป็นครึ่งปี จึงไม่น่าแปลกใจที่ร่างกายจะเริ่มมีปัญหา”

คุณลุงอวี่เบิกตากว้างแล้วพูดว่า “ชาและน้ำไม่เหมือนกันเหรอครับ ก็ในชามีน้ำทั้งนั้น ผมดื่มไปมากเลยนะ!”

“ต่างกันมากครับ!” คุณหมออวี๋อธิบายอย่างใจเย็น “ชาแม้จะมีน้ำ แต่ในชามีสารคาเฟอีนและสารโพลีฟีนอลที่มีคุณสมบัติเป็นยาขับปัสสาวะ ถ้าดื่มมากเกินไปจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำเร็วขึ้น”

“ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณลุงจะคิดว่าดื่มชาไปเยอะแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว ร่างกายของคุณกลับอยู่ในสภาวะขาดน้ำ”

คุณลุงอวี่นิ่งไปสักพัก แล้วขยี้หัวด้วยความเขินอาย พูดว่า “โอ้โห งั้นผมเข้าใจผิดไปแล้วครับ ผมคิดว่าดื่มชาแล้วช่วยเติมน้ำให้ร่างกาย สุดท้ายกลับยิ่งดื่มยิ่งอยู่ในสภาวะขาดน้ำไปซะงั้น”

คุณหมออวี๋พยักหน้า “ถ้าดื่มชาเยอะเกินไปจริง ๆ จะทำให้รู้สึกปากแห้งขึ้น โดยเฉพาะชาเข้ม ๆ ที่มีคาเฟอีนสูง มันจะกระตุ้นให้ร่างกายขับน้ำออกมาเร็วขึ้น ช่วงนี้คุณลุงมีอาการปัสสาวะน้อยลง หรือปัสสาวะมีสีเข้มไหมครับ?”

“เอ้อ จริงครับ พอคุณหมอพูดผมถึงนึกออก ช่วงนี้ปัสสาวะน้อยจนกลัว สีมันเข้มเหมือนใบชาที่เก่าเลย ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับชาหรือเปล่า?”

คุณหมออวี๋มองไปที่คุณลุงอวี่ แล้วส่ายหัว “นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาที่ดื่มน้ำน้อยนะครับ การดื่มชาเยอะเกินไปโดยไม่ดื่มน้ำเปล่ามานาน ๆ จะส่งผลกระทบต่อระบบการเผาผลาญของร่างกาย โดยเฉพาะจะทำให้ภาระของไตเพิ่มขึ้น”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณที่ดื่มแต่ชา ไม่ดื่มน้ำเปล่า ไตคืออวัยวะที่กรองของเสียในร่างกาย มันต้องการน้ำเปล่าที่เพียงพอในการทำงานให้เป็นปกติ”

“คุณดื่มแต่ชา ไตจะต้องทำงานหนักขึ้นในการขับของเสียออกจากร่างกาย ถ้าทำแบบนี้ไปนาน ๆ ภาระของไตก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้”

เมื่อคุณลุงอวี่ได้ยิน เขามีท่าทางกังวล ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความวิตกและถามอย่างกระวนกระวาย “ไตของผมจะมีปัญหาครั้งใหญ่หรือเปล่าครับ?”

คุณหมออวี๋ยิ้มแล้วโบกมือ “ในกรณีของคุณ ถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ทัน ไตอาจเจอปัญหานิ่วในไตหรือการทำงานของไตลดลงได้ในไม่ช้า ช่วงนี้คุณมีอาการปวดหลังอย่างรุนแรง ก็เหมือนกับไตกำลังเตือนคุณอยู่”

คุณลุงอวี่ถอนหายใจและลูบที่เอว เขารู้สึกเริ่มกลัวขึ้นมา “โอ้โห ผมดื่มชามาหลายสิบปีแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่าการดื่มชาจะทำร้ายไต”

“ผมไม่ได้บอกว่าการดื่มชาเป็นเรื่องไม่ดีนะครับ แต่คุณลุงต้องปรับวิธีการดื่มชาเสียใหม่ ชามีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยการย่อยอาหาร, และทำให้กระปรี้กระเปร่าก็จริง แต่สิ่งสำคัญคือดื่มในปริมาณที่พอดี ไม่ควรดื่มมากเกินไป”

“ดูสิครับ คุณดื่มชาแทบจะตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยของเราที่การทำงานของไตเริ่มลดลง ถ้าดื่มชามากเกินไป ร่างกายจะทนไม่ไหวครับ”

คุณหมออวี๋ยิ้มแล้วพูดว่า “คุณลุงอวี่ ต่อไปยังสามารถดื่มชาได้ แต่ต้องค่อย ๆ ดื่มหน่อยนะครับ วันละไม่เกินสามแก้ว และอย่าลืมดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ด้วยนะ น้ำเปล่าช่วยขับสารพิษและรักษาสุขภาพไตให้ดี”

คุณลุงอวี่พยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วครับ ต่อไปจะลดการดื่มชา แล้วดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น งั้นอาการปวดหลังของผมต้องไปตรวจเพิ่มไหมครับ?”

คุณหมออวี๋เสียงอ่อนโยนแต่มั่นคง “จำเป็นครับ ผมแนะนำให้คุณตรวจสุขภาพไตให้ละเอียด รวมถึงการตรวจวัดความดันและอัตราการเต้นของหัวใจด้วย เพราะการดื่มชามากเกินไปเป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลต่อการทำงานของไตและระบบอื่น ๆ ในร่างกาย”

“โอ้โห ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการดื่มชา จะทำให้เกิดปัญหามากมายแบบนี้” คุณลุงอวี่มีสีหน้าสำนึกผิด คิดถึงปีหลายสิบปีที่เขามองว่าชาเป็นของสำคัญ แต่กลับไม่รู้ตัวว่ามันกำลังซ่อนภัยอยู่

คุณหมออวี๋ปลอบใจเขา “ไม่ต้องเครียดไปครับ ตอนนี้คุณเริ่มปรับพฤติกรรมชีวิตใหม่ ดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ควบคุมการดื่มชา ไตก็จะฟื้นฟูได้ทีละนิด เพียงแค่ไม่ทำสิ่งสุดโต่ง ร่างกายก็จะค่อย ๆ ปรับตัวกลับมา”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ