ชายวัย 40 ปี เชี่ยวชาญภาษาจีน อังกฤษ และญี่ปุ่น แต่ยังถูกไล่ออก เจ้านายเฉลยเหตุผลชัด ๆ 4 ข้อ ไม่ใช่แค่เก่งแล้วจะรอด
คุณจะพบเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และพนักงานหลายร้อยคนในที่ทำงาน นอกเหนือจากความสามารถในการทำงานของคุณเอง บางครั้งผู้บังคับบัญชายังต้องพิจารณาหลายแง่มุมเพื่อประโยชน์ของทีม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พนักงานออฟฟิศที่ทำงานในญี่ปุ่น เผยว่าเพื่อนร่วมงานชายอายุ 40 ปี ที่เชี่ยวชาญภาษาจีนและญี่ปุ่น และมีคะแนน TOEIC ภาษาอังกฤษมากกว่า 900 ไม่ผ่านช่วงทดลองงาน ซึ่งเจ้านายก็ได้เปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ผ่านช่วงทดลองงาน
พนักงานออฟฟิศรายหนึ่งในญี่ปุ่น โพสต์ลงโซเชียล เล่าว่า มีชายลูกครึ่งไต้หวัน-ญี่ปุ่น วัย 40 ปี ที่เพิ่งเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ของบริษัท เขามีคะแนน TOEIC ภาษาอังกฤษมากกว่า 900 และสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นและจีนได้ แต่เขาถูกไล่ออก เพราะไม่ผ่านช่วงทดลองงาน
เมื่อสอบถามเจ้านายถึงสาเหตุที่ทำให้พนักงานรายนี้ไม่ผ่านช่วงทดลองงาน เจ้านายก็บอกสาเหตุว่า ประการแรก พนักงานรายนี้ไม่กระตือรือร้น และจะไม่ริเริ่มที่จะเรียนรู้หรือค้นหาสิ่งต่าง ๆ ทำ ประการที่สอง เขาสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานได้ไม่ดี นอกจากไม่ค่อยถามคำถามแล้ว แม้ว่าคนอื่นจะถาม เขาก็ไม่ได้โต้ตอบมากนัก
ประการที่สาม พนักงานรายนี้มักพูดอย่างไม่ระมัดระวัง พูดสิ่งที่เข้าใจยากหรือทำให้คนอื่นไม่สบายใจ และประการสุดท้ายเจ้านายมองว่าพนักงานรายนี้มีอีโก้มากเกินไป และไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น
ผู้โพสต์ยังบอกอีกว่า ตนไม่ได้จะอวดว่าการทำงานในญี่ปุ่นนั้นดีแค่ไหน แต่บางครั้งเขาเห็นโพสต์บนอินเทอร์เน็ตที่บอกว่า “ตราบใดที่คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้ คุณก็สามารถทำงานในญี่ปุ่นได้” ซึ่งตนรู้สึกว่ามันไร้เดียงสาเกินไปหน่อย เพราะแม้ว่าทักษะทางภาษาจะเป็นพื้นฐาน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมและสังคมญี่ปุ่นได้หรือไม่
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตบางคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ฉันเคยได้ยินผู้จัดการซูเปอร์มาร์เก็ตพูดว่าเขาอยากจ้างชาวต่างชาติมากกว่าลุงวัยกลางคนเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ เพราะพวกเขาอายุเกิน 40 ปี และมักจะมีความคิดเห็นส่วนตัวที่หยั่งรากลึก” และ “ผู้ชายบางคนก็มองว่าน่าอายที่จะขอคำแนะนำจากคนหนุ่มกว่า”
ขณะที่ชาวเน็ตคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับเจ้าของโพสต์ว่า “การทำงานในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ ตอนที่ฉันเดินทางไปเพื่อทำธุรกิจ นาทีหนึ่งพวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา และนาทีต่อมาพวกเขาก็เฉยเมยเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่”