‘ชาดา ไทยเศรษฐ์’ ชี้แจง! รูปชูนิ้วโป้ง ขณะเหตุระทึก กราดยิงพารากอน

Home » ‘ชาดา ไทยเศรษฐ์’ ชี้แจง! รูปชูนิ้วโป้ง ขณะเหตุระทึก กราดยิงพารากอน

นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ชี้แจง หลังโดนดรามารูปชูแขนชี้นิ้วโป้ง ขณะเกิดเหตุ กราดยิงพารากอน ลั่น อย่าเอาเหตุการณ์นิดเดียวมาทำร้ายสังคม

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระทึก เมื่อเย็นวานนี้ (3 ตุลาคม 2566) ได้มีเยาวชนวัย 14 ปี พกอาวุธปืนเข้าห้าง พารากอน และก่อเหตุยิงจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและผู้บาดเจ็บ 5 ราย โดยหลังจากการควบคุมตัวคนร้ายวัย 14 ปี ได้แล้วพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลรับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม ลงพื้นที่พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และพล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.น.6 ได้เดินทางถึงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว รวมทั้ง นายชาดา ไทยเศรษฐ รมช.มหาดไทย ก็เดินทางไปยังที่เกิดเหตุด้วย

โดยหลังจาก นายชาดา ได้เข้าพื้นที่นั้น ได้มีรูปของตนเองที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกโซเชียล เป็นภาพขณะที่ นายชาดา นั้นกำลังยกแขนชูขึ้นและชี้นิ้วโป้งไปข้างหลังเพื่อสื่อสัญลักษณ์มือให้กับสื่อมวลชน และเหมือนจังหวะนั้น นายชาดา กำลังพูดกับสื่อ จนทำให้ภาพที่ออกมา เสมือนว่า นายชาดา ชูแขนและยิ้มหัวเราะ ซึ่งล่าสุดวันนี้ 4 ตุลาคม 2566 นายชาดา ก็ได้ออกมาชี้แจ้งถึงภาพดังกล่าว โดย นายชาดา กล่าวว่า

ศาลเยาวชน ส่งตัวเด็ก 14 ไปสถานพินิจ ก่อนส่งตรวจสุขภาพจิต

เผยชีวิตคนร้าย วัย 14 ปี ถูกแม่กดดันเรียนแย่ ก่อนลงมือก่อเหตุกราดยิง

จิตแพทย์ เชื่อ คนร้ายวัย 14 ก่อเหตุ กราดยิงสยามพารากอน มีอาการป่วย

ตอนแรกตนไม่ได้เข้าไปยังจุดเกิดเหตุ แต่เชิญพี่น้องทุกคนออกจากห้าง ทุกคนก็ร้องไห้ ผมก็ปลอมใจเขา ผมอยู่แค่หน้าประตูไม่ได้เข้าไปในที่เกิดเหตุ เพราะผมมีมารยาทอะไรควรอะไรไม่ควร เสร็จแล้วท่าน ผบ.ตร. มา ท่านก็เชิญผมเข้าไปด้วย ท่าน ผบ.ตร. จึงได้ชวนตนไปพูดคุยกับผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเยาวชน แต่ตนขอไม่เปิดเผยรายละเอียดการพูดคุยเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอยู่ในสำนวนคดี แต่อยากบอกว่าน้องน่าสงสาร แต่ความผิดก็คือความผิด

ส่วนภาพที่เป็นประเด็นนั้น นายชาดา ชี้แจงว่า ปกติก็ใช่คนหิวแสง ที่จะมาทำอะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ แต่เนื่องจากสื่ออยู่ไกลจากตนมากจึงยกมือทำสัญลักษณ์ชี้ไปด้านหลัง เพื่อให้รอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาแถลง จากนั้นตนก็เดินทางกลับมาเลยเพราะหมดหน้าที่แล้ว แต่ภาพที่ปรากฏออกมาเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ อย่าแปลความหมายผิด อีกทั้งยังฝากไปถึงสื่อมวลชนบางกลุ่มที่เอาภาพนี้มาตีแผ่อีกด้วย

“ไม่เห็นผมนิ้วโป้งมือชี้ จะให้ผมเอาอะไรชี้ อย่ามาใช้เหตุการณ์นิดเดียว มาทำลายสังคมแบบนี้ ผมบอกแล้ว หน้าไหนที่พูดเรื่องนี้ผมไม่สน ผมมีหน้าที่ผมก็ทำ ผมต้องไป ถ้าผมอยู่บริเวณนั้นแล้วผมไม่ไป ประชาชนด่าผมไหม อย่าเอาสื่อประเภทนิสัยไม่ดีมาเล่นกับผม อย่ามาชกใต้เข็มขัด ผมทำตามหน้าที่ และผมมีมารยาทพอ ผมอดีตนายกเทศมนตรี อยู่กับระบบราชการมาหลายสิบปี รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร และผมไม่ใช่คนที่หิวแสง มันเป็นเหตุการณ์ที่ใครจะไปรู้ ว่าเป็นเด็ก แต่ถ้ามีเหตุอะไรผมอยู่ตรงไหนผมต้องไป เพราะผมอยู่กระทรวงมหาดไทยบำบัดทุกข์บำรุงสุขทั่วประเทศ คนทำดีคุณยังมาหาเรื่อง คนเลวมาหาเรื่องคนดีผมไม่สน”